ผมต้องปรบมือให้และขอบคุณอย่างจริงใจ สำหรับการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆไปช่วยกันควบคุม ดูแลและจัดการกับการเข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัทตัวแทนอำพราง (นอมินี) ด้านการท่องเที่ยวที่พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างน่าตกใจในบ้านเราขณะนี้

โดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวรับลูกค้าท่องเที่ยวชาวจีน ที่จัดตั้งขึ้นในระยะหลังๆ มีข่าวว่าเป็นบริษัทตัวแทนอำพรางถึงเกือบๆ 50 เปอร์เซ็นต์

ที่ผมต้องขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ก็เพราะผมเองเพิ่งจะเขียนถึงปัญหานี้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น พร้อมกับย้ำว่า ถ้าปล่อยให้มีการตั้งบริษัทลักษณะนี้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เงินรายได้ที่ประเทศไทยควรจะได้จากการท่องเที่ยวเต็มๆ ก็จะหดหายไปอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

เพราะพวกบริษัทอำพรางเหล่านั้น คงจะส่งเงินกลับประเทศของเขาถ้าไม่หมดก็เกือบหมด พลังของเงินหมุนเวียนที่ประเทศไทยจะได้รับจากการท่องเที่ยวก็จะลดฮวบลงไป

จะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยเยอะๆ ย่อมจะมีผลทำให้ทรัพยากรด้านท่องเที่ยวของไทยเสื่อมโทรมลงบ้างเป็นธรรมดา

ถ้าเราได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราก็จะเหลือเงินไว้สำหรับทำนุบำรุงหรือฟื้นฟูทรัพยากรนั้นๆได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้ารายได้เราลดลงเพราะเกิดการไหลออก แล้วเรายังต้องแบกภาระการฟื้นฟู...ในที่สุดจะไปเหลือกำไรอะไร

ครับ! หลังจากเขียนฝากข้อคิดความเห็นไปแล้ว ก็มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารก่อน และหลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ออกมาแถลงข่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการปราบปรามธุรกิจในลักษณะนี้ให้เหลือ “ศูนย์” ให้จงได้

ดำเนินการอะไรได้แบบทันทีทันควันก็ให้ลงมือดำเนินการเลย แต่ถ้าติดขัดด้านกฎบัตรกฎหมายไม่สะดวกในการปราบปราม ก็ให้ไปร่างมาเสนอรัฐบาลโดยเร็ว

...

ในเบื้องต้น รัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมการท่องเที่ยวดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง และตรวจสอบคุณสมบัตินิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวอีกครั้ง ว่ามีเลศนัยอะไรหรือไม่

โดยจะร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ รวมทั้งจะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม ฯลฯ เพื่อตรวจสอบบริษัทต่างๆอย่างเข้มข้นต่อไป

ผมอาจจะจดได้ไม่ครบถ้วน เพราะฟังจากข่าววิทยุ แต่เท่าที่ฟังและจดมาได้วันนี้ ก็พอที่จะนำมาขอบคุณรัฐบาลได้แล้วครับ

ขอบคุณที่ฟังเสียงร้องทุกข์ของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ และสั่งให้มีการแก้ไขปัญหา

ในฐานะที่ผมนำข้อร้องทุกข์มาขยายความต่อผ่านคอลัมน์นี้ เมื่อทราบว่าผู้หลักผู้ใหญ่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปในทางเห็นด้วยกับข้อร้องทุกข์ดังกล่าว จึงต้องขออนุญาตขอบคุณเป็นพิเศษผ่านคอลัมน์นี้เช่นกัน

จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับผลในการปฏิบัติงานของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นแกนหลักดังที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ท่านแถลงไว้

จะเอาจริงเอาจังแค่ไหน? จะตรวจสอบแบบเข้มข้นขนาดไหน? และเมื่อตรวจพบเลศนัยต่างๆแล้วจะลงมือจัดการอย่างเฉียบขาดหรือไม่? คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกันต่อไป

หลายๆประเด็น หลายๆปัญหาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดย เฉพาะพวกทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์หลอกลวง...หลอกให้ซื้อของด้อยคุณภาพโขกราคานักท่องเที่ยวจีนอย่างเจ็บๆแสบๆ ฯลฯ

ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปง่ายๆ

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการทำงานอย่างไม่จริงจังของฝ่ายราชการไทย รวมทั้งอาจมีเส้นสนกลในหรือการได้รับเบี้ยบ้ายรายทางต่างๆ ที่ บริษัททัวร์ด้อยคุณภาพแอบหยิบยื่นให้

ผมก็ได้แต่หวังว่า จากการที่ท่านนายกรัฐมนตรีท่านสั่งการให้เอาจริงในครั้งนี้ จะเป็นผลทำให้ฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหันมาดูแลเอาใจใส่และเอาจริงกับทุกปัญหาด้านท่องเที่ยว...โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนที่มีปัญหามากที่สุด

อย่าให้เหมือนกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหรือมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนๆเป็นอันขาด (เพราะปัญหาทัวร์จีนเกิดมาหลายรัฐบาลแล้ว)...ที่สั่งแล้วสั่งอีก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม.

“ซูม”