กองปราบรวบ 4 ผู้ต้องหาปลอมตั๋วแลกเงินธนาคารธนชาต 3,000 ล้านบาท หลอกขายเพียง 2,550 ล้านบาท พร้อมมีหนังสือรับรองจากธนาคารปลอมสร้างความน่าเชื่อถือด้วย เหยื่อไม่มั่นใจให้ธนาคารเช็กพบมูลค่าตั๋วแค่ 800 บาท ธนาคารแจ้ง กก.1 บก.ป.ทำการซ้อนแผนจับกุม พบอุปกรณ์ปลอมแปลงตั๋วแลกเงินธนาคาร ผู้ต้องหาสารภาพอ้างทำครั้งแรก

จับกุมแก๊งปลอมตั๋วแลกเงินเปิดเผยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง สว.กก.1 บก.ป. แถลงจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายธนอรรถ แก้วนุ้ย อายุ 59 ปี นายสง่า ซื่อประโคน อายุ 63 ปี นายมาโนช เสนาชู อายุ 47 ปี และนายสมชาย สุวรรณหงส์ อายุ 40 ปี ข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม จับกุมได้ที่อาคารที ซี กรีน ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางตั๋วแลกเงินธนาคารธนชาต มูลค่า 3,000 ล้านบาท 2 ฉบับ ใบเสร็จรับเงินธนาคารธนชาต หนังสือรับรองตราสารธนาคารธนชาต บันทึกการซื้อ-ขาย-ลด ตราสารธนาคาร 1 ชุด ตรายาง 6 อัน แท่นประทับตรา 2 อัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง สีดำ 1 เครื่อง สำเนาตั๋วแลกเงินธนาคารทหารไทย สำเนาตั๋วแลกเงินธนาคารกสิกรไทย 2,500 ล้านบาท หนังสือจากธนาคารธนชาต เพื่อรับรองดราฟท์ 3,000 ล้านบาท รวม 3 ฉบับ หนังสือค้ำประกันธนาคารกสิกรไทย สำเนาตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคารกสิกรไทย 10,000 ล้านบาท สมุดเช็ค 2 เล่ม และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง พร้อมกระเป๋าถือ 1 ใบ

พ.ต.อ.จิรภพกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการควบคุมและป้องกันการทุจริตของธนาคารธนชาต ว่า มีกลุ่มบุคคลได้ตระเวนซื้อตั๋วแลกเงินธนาคารต่างๆ ในราคา 800 บาท หรือซื้อในราคาถูก แล้วนำไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเลขในตั๋วแลกเงินดังกล่าวให้มีมูลค่าสูง ก่อนนำไปหลอกขายผู้เสียหาย โดยพบตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต มูลค่า 3,000 ล้านบาท ถูกนำไปหลอกขายให้เหยื่อ ซึ่งมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการออกหนังสือรับรองจากธนาคารไว้ด้วย เมื่อได้รับแจ้งและมีการตรวจสอบข้อมูลร่วมกัน เจ้าหน้าที่วางแผนสืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลดังกล่าว กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยกำลังจะซื้อขายตั๋วแลกเงินกับเหยื่อ ที่อาคาร ที ซี กรีน ย่านพระราม 9 เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย และพบของกลางทั้งหมดในกระเป๋าถือ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายธนอรรถกับนายสง่าได้เปิดบริษัท ทรัพย์จตุคาม จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือไม่ได้มีอาชีพอะไร จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายสง่ามีหมายจับในคดีปลอมแปลงเอกสารติดตัวอยู่ ทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิด มีการปลอมแปลงตั๋วแลกเงิน รวมทั้งใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมเอกสารต่างๆ ของธนาคาร เพื่อใช้ประกอบการหลอกลวงผู้เสียหาย

...

นายโอภาส หัสดิน อายุ 54 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า มีตัวแทนบริษัท ทรัพย์จตุคาม จำกัด ได้มาติดต่อเสนอขายรถทางการเกษตรให้ตน แต่พอระหว่างการสนทนาตัวแทนของบริษัทได้เสนอขายตั๋วแลกเงินที่ออกโดยธนาคารธนชาต มูลค่า 3,000 ล้านบาท มาแสดงและเสนอขายตนในราคาเพียง 2,550 ล้านบาท ถ้าสนใจจะได้กำไรจากตั๋วแลกเงินประมาณ 50 ล้านบาท อ้างว่าตราสารดังกล่าวใช้ได้จริง มีหนังสือรับรองจากธนาคารมาแสดงประกอบ แต่เนื่องจากมีมูลค่าสูงตนจึงใช้ข้อมูลของตั๋วแลกเงินนำไปสอบถามและให้ธนาคารตรวจสอบ พบว่ามีการซื้อตั๋วแลกเงินนี้จริงแต่ซื้อไปในราคา 800 บาท ต่อมา ทางธนาคารตรวจสอบข้อมูลจนแน่ชัดว่ามีการ ปลอมแปลงเอกสารธนาคารเกิดขึ้น จึงประสานตำรวจ กก.1 บก.ป.สืบสวนติดตาม ก่อนจะมีการนัดหมายอีกครั้งกับตัวแทนของบริษัท จากนั้นได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด

“เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา เผยว่าทำเป็นครั้งแรก และไม่ให้การใดๆ ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมและขยายผล จากนั้นเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้เสียหายรายใดที่หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหากลุ่มนี้สามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สน.มักกะสัน” พ.ต.อ.จิรภพกล่าว