อธิการใหม่เข้า ม. โดนฉีดเคมีสกัด

ปมขัดแย้ง “เอแบค” ลุกลามหนัก “สุทธิพร” ใช้คำสั่งคุ้มครองศาลแพ่ง ไม่ให้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดี และ รปภ.ชุดใหม่กว่า 20 คน บุกเข้ามหาวิทยาลัย ตัดโซ่ทำลายประตู 3 ครั้ง แต่ รปภ.ที่อยู่ด้านในใช้ถังแก๊สดับเพลิง และน้ำฉีดสกัด มีปะทะกันเล็กน้อย ตำรวจทหารต้องเข้าห้ามทัพ ยืนกรานให้นำหนังสือรับรองจากกระทรวง ศึกษาธิการมายันจะยอมเปิดประตูให้ “พล.อ.ดาว์พงษ์” สั่งให้ปลัดกระทรวงแก้ไข ถ้ารุนแรงกว่านี้ กระทรวงต้องไปดูแล เผยกระทบต่อภาพลักษณ์ของอุดมศึกษาไทยเพราะระดับปัญญาชนไม่ควรใช้วิธีนี้

กรณีความขัดแย้งของคณะผู้บริหาร ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก (เอแบค) ที่เกิดความแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ทำให้นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อธิการบดีเอแบคคนใหม่ ที่แต่งตั้งโดยสภามหาวิทยาลัย เข้าไปทำงานไม่ได้ถูก รปภ.ปิดประตูเข้าออก ต่อมามีการแจ้งความจับ รปภ.ชุดเก่าข้อหาบุกรุก ที่ สน.หัวหมาก ทำให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ต้องเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย เรียกตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย เข้าเจรจาหาข้อยุติ จัดตั้งคณะกรรมการกลาง 8 คน แก้ไขความขัดแย้งต่างๆและนัดให้ทั้งสองฝ่ายประชุมหาข้อสรุปช่วงต้นเดือน ม.ค. 2559 นี้

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อธิการบดี ม.อัสสัมชัญ ทนายความ และ รปภ.บริษัทกัทส์ อินเวสติเกชั่น จำกัด กว่า 20 นาย มาที่บริเวณหน้าประตู ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก (เอแบค) ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. นำคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวศาลแพ่ง ลงวันที่ 4 ส.ค. 2558 ห้ามมิให้บุคคลต่อไปนี้ ประกอบด้วยภราดาบัญชา แสงหิรัญ นายวิทยา เจริญศรี นายธนา กายพันธุ์เลิศ นายวีระศักดิ์ อนุสนธิ์วงศ์ และนายสมพล ณ สงขลา ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการอธิการบดี แต่ รปภ.บริษัท จีโฟ เอส ซีเคียว โซลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ของมหาวิทยาลัย ขัดขวางไม่ให้นายสุทธิพร พร้อมพวกเข้าไปภายใน

...

โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้นำประกาศห้ามมิให้นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล น.ส.นรนุช ไผ่แก้ว ดร.รุ่งศรี ว่องวิทวัส น.อ.ชำนาญ สอนแพง และผู้เกี่ยวข้องกับนายสุทธิพร ทั้งหมดเข้าในมหาวิทยาลัย มาติดบริเวณหน้าประตูทางเข้าออก รปภ.มหาวิทยาลัย ได้นำโซ่และกุญแจมาล็อกประตูทางเข้าออกไว้ทุกด้าน มีการอ้างว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง

ขณะเดียวกัน นายสุทธิพรได้นำช่างกุญแจ พร้อมเครื่องตัดเหล็กตัดโซ่ที่คล้องประตูด้านข้างมหาวิทยาลัย รปภ. บริษัทกัทส์ อินเวสติเกชั่น จำกัด ที่นายสุทธิพรพามากว่า 20 คน ช่วยกันยกประตูออกจนเกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย รปภ.มหาวิทยาลัยได้นำกำลังขัดขวางเหยียบประตูไว้ไม่ให้ยกขึ้น พร้อมใช้ถังดับเพลิงและน้ำฉีดสกัด ทำให้สารเคมีดับเพลิงที่ฉีดออกมาคละคลุ้งไปทั่ว จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นประมาณ 10 นาที ตำรวจ สน.หัวหมาก และทหาร ร.12 พัน. 2 รอ. จ.สระแก้ว นำกำลัง 30 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์

ด้าน พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รอง ผบก.น.4 กล่าวว่า นำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน บก.น.4 จำนวน 1 กองร้อย เข้ามาดูความสงบเรียบร้อย ระหว่างนี้จะให้ทางคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเจรจากัน เพื่อไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกันอีก หากมีใครกระทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่จะจับกุมทันที

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสุทธิพร พร้อมทนายความ เข้าพบ พ.ต.ต.สมเจตน์ พลเหลา พงส.ผนก.สน.หัวหมาก แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลภายใน ม.อัสสัมชัญ ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายร่างกาย พ.ต.ต.สมเจตน์กล่าวว่า ได้รับแจ้งความไว้แล้วจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อแจ้งข้อหากับผู้กระทำความผิดต่อไป

จากนั้นเวลา 13.30 น. นายสุทธิพร พร้อมพวกได้เดินทางกลับมาที่ ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก (เอแบค) อีกครั้ง หลังนำคำสั่งศาลแพ่ง และบันทึกแจ้งความไปขออำนาจศาลอาญาเพื่อให้ออกหมายจับบุคคลที่ขัดขวาง โดยนำช่างพร้อมเครื่องตัดประตูเป็นครั้งที่ 2 รปภ.ของมหาวิทยาลัย ที่อยู่ด้านในได้ใช้ถังดับเพลิงฉีดใส่อีก ต้องหลบหนีกันอย่างชุลมุน พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก และ พ.ต.ท.สุทัศน์ ชัยมงคล รอง ผกก.ป.นำกำลังเข้าดูแลความสงบ และเจรจาให้ยุติทั้งสองฝ่ายแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้

นายสุทธิพรยังสั่งให้ช่างตัดโซ่ที่คล้องประตูเหล็กอีกเป็นครั้งที่ 3 รปภ.ของมหาวิทยาลัยก็ใช้ถังดับเพลิงฉีดไล่อีก ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงใช้วิธียืนตรึงกำลังกั้นระหว่างประตูและกลุ่มของนายสุทธิพร โดย พ.ต.อ.ศรายุทธได้เข้าเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย จัดให้มีการตั้งโต๊ะเจรจาที่โรงแรมอินเตอร์เพลส ซอยรามคำแหง 24 เพื่อพูดคุยแก้ปัญหา แต่ ดร.วิทยา เจริญศรี ผอ.สำนักงานทรัพยากรบุคคล ม.อัสสัมชัญและคณะอาจารย์ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเจรจาและจะไม่ยอมให้กลุ่มของนายสุทธิพรเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย โดยยืนกรานให้นายสุทธิพรนำหนังสือรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการมายืนยันถึงจะยอมเปิดประตูให้

วันเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงปัญหานี้ว่า มอบหมายให้ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แก้ไขตามแผนเดิมได้กำหนดให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาหารือกันในช่วงหลังปีใหม่ ขณะนี้ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร อดีต รมช.ศึกษาธิการ ได้เสนอแนวทางการแก้ไขมาให้แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยากพูดคุยกับทั้ง 2 ฝ่ายก่อน ส่วนกรณีที่นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อธิการบดี ม.เอแบค ไม่สามารถเข้าไปในมหาวิทยาลัยปฏิบัติหน้าที่ได้ ตนยังไม่ได้ประสานทั้ง 2 ฝ่าย เพราะคิดว่าถ้าโทรศัพท์ไปหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกมองว่าไม่เป็นกลาง จึงให้ นพ.กำจรติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย

ด้าน นพ.กำจรกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าปัญหาขัดแย้งมีความรุนแรงมากขึ้น มีการกระทบ กระทั่งกันหน้าประตูมหาวิทยาลัย กระทบต่อภาพลักษณ์ของอุดมศึกษาไทยเป็นอย่างมาก เพราะระดับปัญญาชนไม่ควรใช้วิถีทางเช่นนี้ ควรใช้การเจรจากัน พล.อ.ดาว์พงษ์จึงได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา แจ้งต่อคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ. ที่มีอำนาจโดยตรงดูแลมหาวิทยาลัย ให้ประชุม กกอ.วาระเร่งด่วน เพื่อพิจารณาว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความรุนแรงถึงขั้นที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะต้องเข้าไปควบคุม ม.เอแบคหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน มาตรา 86 หาก กกอ.มีมติเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงต้องให้ ศธ.ควบคุม รมว.ศึกษาธิการ ก็สามารถใช้อำนาจเข้าไปควบคุมได้ตามคำแนะนำของ กกอ. โดยตั้งคณะกรรมการเข้าไปดูแลอย่างน้อย 5 คน เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะคืนมหาวิทยาลัยให้ดังเดิม คาดว่าน่าจะประชุม กกอ.ได้ในวันที่ 4 ม.ค. ตนในฐานะหนึ่งใน กกอ.เห็นว่าเหตุการณ์ขณะนี้เริ่มกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเป็นภาพที่ไม่น่าดู อุดมศึกษาต้องเป็นแบบอย่างของสังคม ไม่ใช่ใช้วิธีการรุนแรงแบบนี้ และในระหว่างที่ยังไม่มีการประชุมของ กกอ. หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

...