‘ตู่’จี้เปิดบัญชี สร้างราชภักดิ์ ไม่งั้น-ไม่จบ!

ทหาร-ตำรวจ รวบ “ธเนตร อนันตวงษ์” แนวร่วมกลุ่มเอ็นดีเอ็มคา โรงพยาบาลย่านอ่อนนุช นำตัวไปสอบเครียดที่เรือนจำภายใน มทบ.11 เตรียมส่งผู้ต้องหาโพสต์ผังทุจริตราชภักดิ์ให้ตำรวจฝากขังวันที่ 14 ธ.ค. หลังเอาตัวไว้สอบสวนครบ 7 วัน เผยให้ข้อมูลเป็นประโยชน์เพียบ เตรียมออกหมายจับกลุ่มคนชักใยอีกหลายคน ด้าน “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ส่งข้อมูลทุจริตอุทยานราชภักดิ์ให้ รมว.ยุติธรรม หวังเป็นหลักฐานเด็ดเอาผิดคนทุจริต ส่วน “จตุพร พรหมพันธุ์” ทำแปลก ออกมาป้อง “รมว.ยุติธรรม” ยันไม่ปักธงว่าใครเป็นคนผิด แต่ขอให้ “อุดมเดช” ยอมให้ตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด ไม่งั้นไม่จบ และเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต

กรณีปมร้อนการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เริ่มก่อสร้างสมัย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมเป็น ผบ.ทบ.ยังเป็นประเด็นทางการเมือง เป็นเหตุให้ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดช รับผิดชอบโดยการลาออก หลังจากนั้นมีผู้ปล่อยผังการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ออกมาตามโลกโซเชียล ในผังมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมอยู่ด้วย จึงสั่งการให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด จนจับกุมนายฐนกร หรือเอฟ ศิริไพบูลย์ อายุ 27 ปีดำเนินคดี อ้างว่าเซฟแผนผังดังกล่าวมาจากเพจคนเสื้อแดงแล้วนำมาเผยแพร่ และเจ้าหน้าที่ยังพบผู้ทำผิดหลายฐานความผิด ทั้งหมิ่นประมาทและความผิดตามมาตรา 112 มีผู้เข้าข่ายนับ 100 คน ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบเดินทางไปขออำนาจศาลทหารอนุมัติหมายจับนายธเนตร อนันตวงษ์ อายุ 25 ปี ความผิดตามมาตรา 112 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯแล้วนั้น

...

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าจับกุมตัวนายธเนตร อนันตวงษ์ อายุ 25 ปี แนวร่วมกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือเอ็นดีเอ็ม ได้ขณะกำลังจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลที่แผนกศัลยกรรมชั้น 7 โรงพยาบาลสิรินธร ซอยอ่อนนุช 90 แขวงและเขตประเวศ กทม. จากนั้นนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี (มทบ.11) เพื่อสอบสวนขยายผล แต่จะควบคุมตัวครบ 7 วันหรือไม่ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับนายธเนตรจากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ประกอบกับมีพฤติกรรมเคยเคลื่อนไหวทางการเมืองในนามกลุ่ม นปช.ตั้งแต่ปี 2553 รวมทั้งมีพฤติกรรมโพสต์ข้อความไม่เหมาะสมในลักษณะหมิ่นประมาทยุยงให้เกิดความแตกแยก นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมกิจกรรมกับนาย สิรวิชญ์ หรือจ่านิว เสรีธิวัฒน์ โดยสารรถไฟเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีการระบุผ่านสังคมออนไลน์โดยเพื่อนของนายธเนตรว่า ถูกจับกุม ไม่รู้ว่าถูกนำตัวไปไว้ที่ไหน และยังบอกด้วยว่า การเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายธเนตรเกิดจากอาการป่วยลำไส้ใหญ่อักเสบ และไส้เลื่อนบริเวณถุงอัณฑะ ซึ่งอยู่ระหว่างการรับยาปฏิชีวนะและการรอคิวผ่าตัด แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน

ส่วนกรณีนายฐนกร หรือเอฟ ศิริไพบูลย์ อายุ 27 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เผยแพร่แผนผังอุทยานราชภักดิ์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ” หลังจากศาลทหารออกหมายจับนายฐนกร 3 ข้อหา เจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัวไว้สอบสวนครบ 7 วันแล้ว ในวันที่ 14 ธ.ค.จะนำตัวนายฐนกรส่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเพื่อนำตัวไปฝากขังต่อศาลทหารต่อไป

รายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า จากที่มีกระแสข่าวว่า จะมีทนายของกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าให้การช่วยเหลือเรื่องคดีนั้นก็เป็นสิทธิของทนาย แต่ขณะนี้นายฐนกรยังไม่ได้ร้องขอทนายความ ประกอบกับนายฐนกรให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก จนขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารชุดสอบสวนจะดำเนินการสืบสวนและขออำนาจศาลออกหมายจับตัวบงการใหญ่ที่ร่วมกระทำความผิดลักษณะนี้อีกหลายรายเร็วๆนี้

มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่ากลุ่มร่วมอุดมการณ์เดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เปิดเพจเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่เพื่อต่อต้านการจับกุมของเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งนำข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์มาเขียนลงในเพจ และมีข้อหาหมิ่นประมาทอื่นๆต่อเจ้าหน้าที่ทหาร ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เตือนไปยังประชาชนแล้วว่าอย่าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มคนเหล่านี้ หากมีประชาชนคนใดเข้าไปมีส่วนร่วมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ประชาชนส่วนมากเข้าใจผิด จะถือว่าเป็นการปลุกปั่นเพื่อไม่ให้บ้านเมืองสงบสุข ทหารจะดำเนินการจนถึงที่สุด ในวันที่ 14 ธ.ค.จะมีการแถลงข่าวความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ในวันที่ 14 ธ.ค.จะส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์นำไปประกอบการตรวจสอบของ ศอตช. เป็นข้อมูลจากภาคเอกชนที่แสดงไว้ทางสาธารณะ ประกอบด้วยเรื่องเงินและทรัพย์สินที่บริจาค การรับงานก่อสร้างในโครงการฯ ทรัพย์สินที่บริจาคมีทั้งกระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์ คอนกรีตผสมเสร็จ เป็นประเด็นให้ติดตามว่า มีการออกใบรับการบริจาคอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีงานก่อสร้างฐานแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ผู้บริหารกลุ่ม ช.การช่างโพสต์ไว้ ภาพดังกล่าวระบุถึงการก่อสร้างและการบริจาคเงิน 100 ล้านบาท ให้ ศอตช.พิจารณาว่างานส่วนใดมาจากงบประมาณแผ่นดินหรือเงินบริจาค ขอให้ตรวจสอบการทำสัญญาของเอกชนตามรายละเอียดที่ส่งให้ด้วย

...

ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบ เปิดเผยเนื้อหาการสนทนากับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เพื่อป้องกัน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และประธานจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ เข้าใจผิด นายจตุพร กล่าวว่า การยื่นข้อมูลกับ พล.อ.ไพบูลย์ มีขึ้นภายหลังพูดคุยกรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์แล้ว เรื่องราวที่คุยไม่ได้เป็นเนื้อหาในเอกสาร แต่ข้อมูลเอกสารเป็นเพียงประตูนำไปสู่การหาข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งการคุยกันไม่ได้ปักธงว่า ใครต้องเป็นคนผิด

ประธาน นปช. กล่าวต่อว่า พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า มีการทุจริตหักค่าหัวคิวกันจริงและนำเงินมาคืนในรูปบริจาค แต่ตามกฎหมายเป็นความผิดสำเร็จเกิดการทุจริตแล้วจึงต้องตรวจสอบ พล.อ.ไพบูลย์ จึงระบุว่า ตามหลักการการยอมรับเช่นนี้ รวมทั้ง 2 นายทหารคนสนิทมาเกี่ยวข้องกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์กลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้ประชาชนคลางแคลงใจ แนวคิดการสร้างอุทยานราชภักดิ์ตนชื่นชม แต่เรื่องการทุจริตในโครงการนี้คนไทยรับไม่ได้ ถ้าไม่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์แล้วจะเป็นตราบาปติดตัวไปชั่วลูกชั่วหลาน ฉะนั้นท่านจึงมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ข้อกล่าวหา ข้อสงสัย ข้อกังวลนั้น จะยากอะไรกับการเปิดรายรับรายจ่าย

นายจตุพรเรียกร้องว่า พล.อ.อุดมเดช อย่าได้ตำหนิ พล.อ.ไพบูลย์ ที่ให้สัมภาษณ์ในฐานะ รมว.ยุติธรรม และเป็นประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) การพูดคุยวันนั้นมีผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มานั่งพูดคุยด้วย เมื่อมีหลักฐานเบื้องต้นจากคำพูดของ พล.อ.อุดมเดช ว่า มีการทุจริตกินหัวคิวกันจริงจะไม่เชื่อได้อย่างไร แต่จะทุจริตขั้นตอนไหนต้องไปตรวจสอบ ให้หน่วยงานไปพิสูจน์ ตลอดเวลาที่นั่งคุยกันไม่ได้พูดถึงตัวบุคคลกันเลย เมื่อตรวจแล้วไม่มีทุจริตก็แล้วไป

...

สำหรับคณะกรรมการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ที่ผ่านมา นายจตุพรกล่าวว่า เป็นเพียงการตรวจสอบภายในกองทัพบก ผลออกมาประชาชนยังไม่สิ้นสงสัยและเป็นปัญหา ส่วนกระทรวงกลาโหมตั้งคณะตรวจสอบขึ้นมาอีกชุด หากแถลงผลทุกอย่างคงยังไม่จบ เพราะตั้งผู้ใต้บังคับบัญชามาตรวจสอบผู้บังคับบัญชา ดังนั้นควรเริ่มจากความจริง ด้วยการเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจน ให้ประชาชนตรวจสอบทุกรายละเอียด จึงจะทำให้เรื่องราวจบสิ้นสงสัยและหมดความคลางแคลงใจ

ส่วนการจับผู้ต้องหาเผยแพร่ผังทุจริตราชภักดิ์ นายจตุพรกล่าวว่า มีการพยายามเดินเกมแล้ว เชื่อมโยงมาสถาบันเสื้อแดงแห่งชาติซึ่งไม่มีตัวตน ให้มาเกี่ยวกับ นปช. ต้องมารับผิดชอบคดีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ใช่หรือไม่ แล้วคนโกงกันจริงๆไม่ต้องรับผิดชอบ เป็นการกล่าวหามักง่าย แล้วจับกุมคนแชร์ข้อมูลซึ่งไม่มีทางทำเองได้ แต่กลับนำไปปั่นกระแสว่า จับได้แล้วเป็นมือโพสต์ ส่วนการดำเนินคดีตั้งข้อหามือแชร์เท่ากับแอบอ้างเบื้องสูงไม่แตกต่างจากกรณีขอนแก่นโมเดล เหมือนกับการแต่งนิยาย แล้วท้ายที่สุดเรื่องอุทยานราชภักดิ์ก็จบเป็นการคิดแบบมักง่าย