สมาคมโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การศึกษาไทยและการศึกษาอาเซียนเปรียบเทียบ” รับใช้ผู้บริหารสถานศึกษาและครู 500 คน ที่โรงแรมเจริญธานี จ.ขอนแก่น 13.00-15.00 น. พฤหัสบดี 17 ธันวาคม 2558
ศาสตราจารย์เกรกอรี ลาซอส เปิดเผยงานวิจัยด้านสังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยกรุงเอเธนส์ ที่ทำวิจัยมาเป็นเวลานาน 3 ปี โดยออกตระเวนสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากหญิงสาวชาวกรีก 17,000 คน ที่ขายบริการทางเพศพบว่าหลังจากเศรษฐกิจกรีซล่มสลาย หญิงสาวจากประเทศยุโรปตะวันออกที่เคยเข้ามาขายบริการในประเทศกรีซมีจำนวนลดน้อยถอยลงไป เพราะผู้หญิงกรีกกลายมาเป็นผู้ให้บริการหลัก
ในประเทศไทย ผู้คนยากจนอดอยากถึงขนาดเมื่อเดือนก่อน นักศึกษาที่เชียงใหม่วิ่งราวถุงกับข้าวที่อยู่ในตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ ที่นครศรีธรรมราชเมื่อไม่กี่วันก่อน คนซื้อแกง 2 ถุงแล้วเชิดหนีไม่จ่ายเงิน ที่ชลบุรีมีคุณพ่อถูกจับเพราะไปขโมยนมให้ลูกซึ่งยังเป็นทารกดื่ม เดี๋ยวนี้มีคนถูกล็อกประตูเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเมนต์เป็นจำนวนมาก
ในประเทศกรีซ ใครจะนึกเล่าครับ ว่าเศรษฐกิจจะล่มขนาดสตรียอมพลีกายขายบริการทางเพศเพื่อแลกกับพายชีส หรือแซนด์วิชเพียงชิ้นเดียว เพื่อประทังความหิว
ในห้วงช่วงแรกที่เริ่มมีวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้หญิงกรีกยอมพลีกายขายร่างในราคา 50 ยูโร หรือประมาณ 1,900 บาท แต่ปัจจุบันทุกวันนี้ ผู้ชายคนไหนอยากไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงขายบริการก็ใช้เงินเพียง 2 ยูโร หรือ 80 บาทเท่านั้น ปรากฏการณ์อย่างนี้ไม่เคยมีมาก่อนในแผ่นดินกรีซ และตอนนี้สาวชาวกรีกผู้ให้บริการทางเพศกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยปกติการซื้อบริการทางเพศในประเทศอื่นในทวีปยุโรปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 180 ยูโร หรือ 6,700 บาทต่อชั่วโมง เมื่อมาเปรียบเทียบกับประเทศกรีซแล้วแพงกว่ากันมากครับ อายุของคนที่เข้าสู่อาชีพนี้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 17-20 ปี
...
เริ่มมีข่าวคนกรีกขายลูกถูกจับได้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี่ก็ถูกจับได้รายหนึ่ง คุณแม่ตกงานขายลูกสาวอายุ 12 ปีให้กับบาทหลวงและพนักงานเกษียณอายุแต่ตอนหลังถูกตำรวจรวบ คุณแม่ถูกศาลตัดสินจำคุก 33 ปี
ความสามารถของผู้บริหารบ้านเมืองกระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็กระทบต่อสังคม ก็อย่างกรีซนี่ละครับ เป็นตัวอย่างที่น่าตกใจที่สุด และเป็นเรื่องที่ไม่ได้คุยกันลอยๆ นะครับ แต่เป็นวิจัยของศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของรัฐ
ถ้าเศรษฐกิจดี ทุกอย่างก็ดีตามไปด้วย อย่าง สปป.ลาว เพื่อนบ้านของเรานี่ละครับ นายหลี บุญค้ำ เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย พูดในงานฉลองวันชาติลาวที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า
“...จนในที่สุดที่เราได้ก็คือ ความเป็นเอกภาพและปรองดอง ทั้งนี้ สปป.ลาว มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ปัจจุบันมีการขยายตัวโดยจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 7% และคาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ 7.5% ที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะรัฐบาลพัฒนาและแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าขายและการลงทุน อีกทั้งได้เตรียมพร้อมให้ สปป.ลาว เข้าสู่ประชาคมอาเซียน...”
แม้แต่เอธิโอเปียที่หลายคนเคยดูหมิ่นถิ่นแคลนว่าเป็นประเทศยากจนข้นแค้น ผมเพิ่งอ่านรายงานของเอเอฟพีที่เขียนว่า
“...ตั้งแต่ไล่คณะทหารที่ปกครองด้วยลัทธิมาร์กซิสต์ในปี 1991 การเมืองและเศรษฐกิจของเอธิโอเปียก็กลับมามีเสถียรภาพ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเอธิโอเปียมีอัตราเกิน 10% ทุกปี...”
เอเอฟพีรายงานต่อว่า “...งานวิจัยของ New World Wealth ที่ปรึกษาการตลาดในแอฟริกาใต้ระบุว่า ขณะนี้มีมหาเศรษฐีเกิดใหม่ในเอธิโอเปียราว 2,700 คน เพิ่มขึ้นกว่า 108% จากสถิติระหว่าง ค.ศ.2007-2013 เป็นการเติบโตเร็วที่สุดในทวีปแอฟริกา...”
ผู้อ่านท่านครับ ประเทศก็เหมือนคน ถ้าบริหารชีวิตดีๆ บริหารครอบครัวอย่างมีคุณภาพ ทำงานและบริหารธุรกิจอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ มีผู้บริหารที่ฉลาดเฉลียว ทันโลก ก็สามารถผลักดันประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่าง สปป.ลาว หรืออย่างเอธิโอเปีย
แต่ถ้าได้ผู้บริหารที่ล้าสมัย ตกโลก สมองขึ้นรา หน้าตาเต็มไปด้วยหยากไย่ใยแมงมุม ไม่ทำงานตามมาตรฐานสากล ประเทศและผู้คนในประเทศนั้นก็อาจจะเผชิญกับความอดอยากหิวโหยขนาดต้องขายตัวแลกอาหารประทังชีวิตเพียง 1 มื้ออย่างกรีซ.