นานมาแล้ว ผู้คนที่ประกอบอาชีพหมอ วิศวกร นักกฎหมาย นักบินหรือนักการธนาคาร ส่วนหนึ่งนิยมชมชอบระบบความปลอดภัยและสมรรถนะของรถ Volvo ไม่ว่าจะเป็นหมอฟันหรือนักบินหนุ่มมาดเข้ม รวมถึงนายธนาคารมาดเนี้ยบที่ต่างพากันเลือกรถยนต์จากสวีเดนทั้ง Saab และ Volvo ด้วยสาเหตุหลักๆ ดังกล่าว ปัจจุบัน ระบบความปลอดภัยถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการใช้รถยนต์ และทำให้คนทั่วไปที่เล็งระบบความปลอดภัยมากเป็นพิเศษในการเลือกซื้อรถยนต์ก็สามารถขับ Volvo รุ่นใหม่ได้อย่างไม่เคอะเขิน รถทดสอบ V40 T5 รุ่นพิเศษสุด Polestar R-Limited จะมีเวลาอยู่ร่วมกับผมไปอีก 6 วัน ลองมาดูความแตกต่างและอุปกรณ์ที่ Volvo Car Thailand เพิ่มมาให้กันดีกว่า

- เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง Volvo Drive-E PowerTrains T5
- เกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ 8 สปีด
-ล้ออะลูมินั่มอัลลอย ขอบ 18 นิ้ว 7.5x18" Diamond Cut พร้อมยางซิ่ง Michelin Pilot Sport 3 225/40ZR18 92W
- แผงกันกระแทกใต้สปอยเลอร์หลังสีดำดีไซน์พิเศษพร้อมท่อไอเสียคู่
- แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต
- ชุดฝาครอบกระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยวหลอด LED
- โลโก้ R-Limited ที่แก้มข้างซ้าย-ขวา
- สติกเกอร์ R-Limited เดินเส้นที่ชายล่างบริเวณแนวประตู
- สีขาวพิเศษ ice white
- ใบ Certificate
- จำนวนการผลิต 28 คัน
- Sensus Connect ระบบสื่อสารออนไลน์

...

นี่คือยานยนต์แฮตช์แบคที่ Volvo เคลมว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดในกลุ่มรถเล็ก 5 ประตูของทวีปยุโรป มันก็คงจะจริงตามนั้นเมื่อเห็นจำนวนดาวมากถึง 5 ดวง จากการทดสอบการชนปะทะทั้งด้านหน้าและด้านข้างของหน่วยงาน EURO NCAP รวมกับระบบความปลอดภัยขั้นก้าวหน้าทั้งก่อนและขณะเกิดอุบัติเหตุ ห้องโดยสารของรถทดสอบคันนี้ ใช้แนวทางการออกแบบกับวัสดุที่ใช้ตกแต่งราวกับเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีของพวกสแกนดิเนเวีย เบาะคู่หน้าคือส่วนที่น่าจดจำมากท่ีสุด หน้าปัดมาตรวัดก็ด้วย แผงประตู คันเกียร์ คันเบรกมือ ทุกสิ่งในห้องโดยสารของ V40 T5 Polestar R-Limited รถชื่อรุ่นยาวเหยียดคันนี้ บ่งบอกตัวตนที่ค่อนข้างแปลกแยกจากรถเยอรมนี วิถีทางในการสร้างรถยนต์ของ Volvo ในปัจจุบัน นอกจากจะเน้นหนักไปที่ระบบความปลอดภัยของตัวรถแล้ว สภาพการขับขี่ควบคุมในด้านของกำลังยังดีขึ้นด้วยการปรุงแต่ง V40 T5 ของสำนัก Polestar ทำให้สมรรถนะของ V40 T5 Polestar R-Limited อยู่เหนือค่ามาตรฐานของ V40 T5 รุ่นปกติ กำลังในรูปของแรงม้า 245 ตัวกับแรงบิด 350 นิวตันเมตร มอบตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.3 วินาที เป็นประสิทธิภาพใหม่ของ T5 Polestar R-Limited ซึ่งทำออกมาสำหรับขาแรงโดยเฉพาะ

...

...

อาวุธลับของ Volvo V40 รุ่นพิเศษ T5 Polestar R-Limited ที่เอาไว้แลกหมัดกับ Mercedes Benz A250 AMG หรือ BMW 120d M-Sport คือพลังของเครื่องยนต์ที่ถูกอัพเกรดให้รุนแรงแสดงแสนยานุภาพชนิดเต็มเหนี่ยว กำลัง 245 แรงม้าจากเครื่องเบนซินแถวเรียง 5 สูบ 20 วาล์ว สูบกินเชื้อเพลิงเบนซินโซฮอล์ E20 วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความรู้สึกใหม่ในด้านความว่องไวกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น รหัสร้อนในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น Polestar R-Limited เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่ง Volvo Car Thailand ผลิตออกมาน้อยนิดเพียงแค่ 28 คันเท่านั้นแบบหมดแล้วหมดเลยไม่มีให้จองกันอีกต่อไป ทาง Volvo แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า เจ้า Volvo V40 รุ่นพิเศษ T5 Polestar R-Limited จะถูกตั้งแสดงภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปช่วงระหว่างวันที่ 3-13 ธันวาคม 2558 ที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี คาดว่าไม่น่าจะเหลือคาบูธเนื่องจากเป็น V40 รุ่นพิเศษที่แตกต่างจาก V40 T5 รุ่นมาตรฐานอยู่พอสมควร แถมราคายังไม่แรงมากจนเกินงาน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเล็งรถยุโรปแรงม้าเยอะๆ แต่ไม่ต้องการจ่ายแพงสำหรับการส่องหารถใหม่ในช่วงปลายปี โดยมีงบประมาณไม่เกิน 2 ล้านบาท ราคา 1,999,000 บาทของ V40 T5 Polestar R-Limited ถูกกว่า Mini Cooper S ที่มีราคา 2.8 ล้านบาท หรือแม้แต่ A-Class A250 AMG ที่ต้องควักกันมากถึง 2.6 ล้านบาทเพื่อครอบครองแฮตช์แบคคันเล็กแนวบ้าพลัง

...

กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เสียงเครื่องเบนซิน 5 กระบอกสูบ 20 วาล์ว รหัส B5254T12 เดินเบาด้วยความนิ่งและสงบเงียบเรียบร้อยแสนจะสุภาพ เครื่องยนต์ของเจ้านี่ยังมีระบบ Auto Start/Stop ติดตั้งมาให้ใช้งานเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ การขับใช้งานในเมืองด้วยโหมดมาตรฐาน Elegance หรือโหมดประหยัด ECO มีความเหมาะสมมากที่สุดเนื่องจากสภาพการจราจรที่ไม่เปิดโอกาสให้ฝูงม้าทั้ง 245 ตัวได้ออกมาอาละวาด คันเร่งในโหมด ECO โอนอ่อนผ่อนคลายให้สัมผัสออกมาในแบบยืดๆ ย้วยๆ ไหลไปเรื่อยๆ แต่ถ้าต้องการเร่งความเร็วแบบฉับพลัน ECU หรือสมองกลไฟฟ้าอันชาญฉลาดที่คอยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์จะสั่งให้การตอบสนองว่องไวตามใจฝ่าเท้าของผู้ขับแบบทันทีทันควัน กดคันเร่งลงไปลึกๆ มันก็จะพุ่งทะยานออกตัวอย่างรวดเร็วทันอกทันใจนักขับเท้าหนักที่ชอบคาโหมดประหยัดเอาไว้ขับเล่นในเมือง พวงมาลัยไฟฟ้าในย่านความเร็วต่ำมีน้ำหนักที่ค่อนข้างคงที่ ไม่หนักหน่วงมือหรือเบาหวิวจนขาดสัมผัสที่ดีของชุดบังคับเลี้ยว ยุคหนึ่งที่ Volvo ยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังยอมรับว่ามันเป็นรถที่มีวงเลี้ยวแคบมาก พอมาถึงยุคใหม่ที่เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนมาเป็นแบบขับหน้าเกือบทุกโมเดล รัศมีวงเลี้ยวช่วงกลับลำหรือยูเทิร์นกลับกว้างสุดๆ จนทำให้รู้สึกคิดถึงวงเลี้ยวแคบๆ ของ Volvo 760 หรือแม้แต่ Volvo 960 ซึ่งมีรัศมีวงเลี้ยวแคบราวกับรถกะป้อ

ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิ้งค์ทำออกมาหนาแน่นพอที่จะให้ความรู้สึกถึงความหนึบและนุ่มนวลไปพร้อมๆ กันเมื่อขับในเมือง การจัดวางตำแหน่งของเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ที่ยัดลงไปในห้องเครื่องกับย่านของกำลังในรูปแรงบิดทำออกมาให้สามารถควบคุมได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นนักแข่งฝีมือฉกาจก็สามารถขับเจ้า T5 Polestar R-Limited ได้อย่างสะดวกโยธิน แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ย่าน 1,400-4,800 รอบต่อนาที มากเกินพอสำหรับการใช้งานในเมือง แรงบิดที่เพิ่มขึ้นส่งจากเครื่องยนต์ไปยังเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีถึง 8 อัตราทด เกียร์ออโตขับหน้า 8 สปีด ถูกสับเปลี่ยนแทนที่เกียร์เดิมแบบ 6 สปีด เข้ามามีส่วนช่วยลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเมื่อขับออกทางไกลแล้วใช้รอบเครื่องที่คงที่ในย่านความเร็วเดินทาง เสียงเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 5 สูบของ Volvo เมื่อทำงานในรอบสูงๆ ให้ซุ่มเสียงที่หนักแน่นสมกับความเป็นรถยุโรป Volvo นั้นเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีสายเลือดมอเตอร์สปอร์ตมาช้านานแล้ว ท่อไอดีตลอดจนท่อระบายไอเสียถูกสำนัก Polestar ปรับแต่งให้มีความเร้าใจและสร้างเสียงคำรามในรอบสูงได้ไม่แตกต่างไปจากเครื่อง 2 ลิตรของ BMW และ Mercedes Benz เป็นผลลัพธ์มาจากการปรับแต่งอะคูสติกส์ เป็นของแถมสำหรับลูกค้าที่ชอบความแตกต่างคล้ายเครื่องเบนซิน V6 ในบางจังหวะที่ผมกระชากลากถูรอบเครื่องจนขึ้นไปยันเพดานที่รอบสูงสุด

เมื่อใช้ความเร็วคงที่บนไฮเวย์ข้ามจังหวัด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 245 แรงม้าในโหมด Sport ส่งเสริมให้เจ้า Volvo T5 R-Limited คันนี้อยู่ในอาการซ่าท้ารบ คันเร่งปรับตัวเองเหมือนเพิ่งจะตื่นจากการหลับไหล เปลี่ยนเป็นไวและตอบสนองอย่างว่องราวกับเครื่อง NA หายใจเอง ทั้งๆ ที่มีระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแต่ก็ไม่รู้สึกถึงอาการรอรอบแบบที่นักขับชอบกังวล อัตราสิ้นเปลืองแบบปกติของ V40 รุ่นพิเศษคันนี้ซึ่งผมไม่ได้ใช้วิธีมานั่งขับย้วยๆ วิ่งแค่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อเอาตัวเลขแจ่มๆ ออกมาที่ 8.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ความเร็วมีขึ้นมีลงอยู่ในย่าน 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจังหวะที่เร่งแซงหรืออยากจะลองจับการระเบิดพลังงานจากเครื่องยนต์ล่อกันถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งผิวถนนเรียบเท่าไรมันก็วิ่งใจขาดเท่านั้นไม่มีอาการรั้งรอ

วิศวกรและช่างเครื่องของสำนัก Polestar ในแต่ละวันที่ผ่านไปนั้นทำแต่รถแข่งประสิทธิภาพสูงทั้งสิ้น เมื่อมาลงมือลงแรงปรับจูนรถบ้านอย่าง V40 การหลอมรวมประสิทธิภาพในด้านกำลังเลยให้อารมณ์และความรู้สึกที่ถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณท่านโดยเฉพาะพวกที่เป็นขาแรงชอบขับเร็ว สิ่งที่ Volvo ต้องปรับปรุงก็คือการกระจายน้ำหนักซึ่งทำออกมายังไม่ค่อยจะดีนัก เมื่อกดเบรกหนักหน่วงที่ย่านความเร็วสูงใน Volvo V40 T5 R-Limited สิ่งที่จะต้องระวังก็คือการบังคับจับพวงมาลัยประคองให้ตรงที่ตรงทางเมื่อต้องใช้เบรกแบบหนักหน่วงในลักษณะที่กระทืบลงไปบนแป้นเบรก อาการดึงที่เกิดขึ้นบนพวงมาลัยนั้นเกิดจากลักษณะของการวางเครื่องยนต์ในแบบขับเคลื่อนล้อหน้า รวมถึงการเพิ่มขนาดล้อจาก 17 นิ้วมาเป็น 18 นิ้ว เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เกียร์ 8 สปีดลูกใหม่และเพลาขับหน้าไปกองรวมกันอยู่ด้านหน้าทั้งหมด ทำให้ T5 R-Limited เป็นรถแฮตช์แบคที่น้ำหนักตกลงไปในส่วนหน้าของตัวรถมากจนเกินไป การถ่ายเทน้ำหนักแบบฉับพลันทันทีเมื่อใช้เบรกอย่างรุนแรงในรถขับหน้าที่มีม้าท่วมแบบนี้ออกอาการแตกต่างจากรถขับหลังอย่างสิ้นเชิง

ความเร็วที่ใช้แซงในแต่ละครั้งแม้จะไม่มากแต่อัตราเร่งที่ฉับไวของเครื่อง 2 ลิตรเทอร์โบ ทำให้รู้สึกถึงความง่ายในการควบคุม วิ่งไปบนทางเรียบๆ คุณจะพบกับการยึดเกาะในระดับที่เหนือกว่าแฮตช์แบคบ้านๆ ทั่วไป เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบที่มีกระบอกสูบเยอะกว่าคู่แข่งอยู่หนึ่งตำแหน่งกับเกียร์ใหม่ 8 สปีด เริ่มสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการทำงาน ส่วนผสมที่ดีของระบบรองรับเกิดขึ้นจากยาง 225/40ZR18 ของ Michelin รุ่น Pilot Sport 3 ซึ่งผ่านการวิ่งใช้งานมาเพียงแค่ 2,000 กิโลเมตร ความสดใหม่ของกริ้บจึงยังอยู่ครบถ้วน เทอร์โบบรรเลงการบูสที่รอบ 3,000-5,000 รอบ ของเจ้า T5 R-Limited ส่งถ่ายอาการดึงตื้อหนักหน่วงกดแผ่นหลังจนจมลงไปในเบาะทุกครั้งที่ลงคันเร่งลึกเพื่อแซงรถช้าหรือเพื่อขับแบบเอามัน เจ้า T5 รุ่นพิเศษทะยานพุ่งออกไปอย่างเร็วโดยถ่ายสัมผัสของรถขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านพวงมาลัยด้วยสัมผัสที่เป็นธรรมชาติและทำให้นักขับทุกคนที่ชอบขับเร็วรู้สึกดี ซึ่งมีรถน้อยคันที่จะทำได้และ V40 T5 Polestar เป็นหนึ่งในนั้น

Overboost คือสิ่งที่ต้องระวัง เมื่อแรงบิด 350 นิวตันเมตร ถูกปลดปล่อยลงบนล้อคู่หน้า มันอาจทำให้เกิดอาการดึงหนักและต่อเนื่องที่ไม่ค่อยจะสัมพันธ์ไปกับสภาพของผิวทาง หากพบเจอกับทางที่ไม่มีความสม่ำเสมอ ล้อที่ใหญ่โตมโหระทึกจะดึงพวงมาลัยไปด้านข้าง (ด้านใดด้านหนึ่ง) หากวิ่งไปเจอทางที่ไม่เรียบเป็นลอนคลื่นขณะใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องแบบท้ารบ ซึ่งต้องระวังให้ดีหากกดเร่งความเร็วไปบนทางที่มีผิวไม่เรียบและทางแบบนี้มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในประเทศ ตัวเลขไมล์แบบดิจิตอลวิ่งกระโจนจากน้อยไปหามากจนมองแทบไม่ทัน แต่ที่เร้าอารมณ์มากที่สุดคือเข็มวัดรอบเข็มสีเหลืองแบบดิจิตอลของจอ TFT cockpit display with Drive Select Mode system ซึ่งจริงๆ แล้วเกิดจากการสร้างโปรแกรมภาพด้วยจอภาพในระบบทรานซิสเตอร์ เข็มวัดรอบแบบดิจิตอลจะกวาดตัวเองจากซ้ายตวัดไปขวาทุกครั้งที่คันเร่งไฟฟ้าโดนกดจนจมมิด หน้าปัดมาตรวัดของ V40 T5 แจ่มจรัสขนาดซุปเปอร์คาร์อย่าง Ferrari และ Lamborghini รวมถึง McLaren ยังใช้หน้าปัดมาตรวัดแบบนี้

โหมดการขับขี่สูงสุด Performance Mode จอมาตรวัดแบบ TFT จะแปรสภาพจากการแจ้งระดับของการใช้พลังงานในโหมด ECO ที่แถบด้านขวาของจอมาตรวัด มาเป็นแถบสีแดงที่มีเข็มสีเหลืองวิ่งขึ้นเมื่อกดคันเร่งลึกๆ ในจอแสดงผลของย่านกำลังหรือ Power เข็มจะวิ่งจู๊ดขึ้นบนทันทีที่ผู้ขับกดคันเร่งต่อเนื่อง พร้อมๆ ไปกับเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ 4 สูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบผ่านไปยังท่อระบายท้ายทั้งสี่ หม้อพักท้ายที่ออกแบบมาเพื่อการสร้างความเร้าใจด้านการทำงานจากเสียงของเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่รอบเครื่องยนต์ทะยานผ่าน 3,000 รอบ ไปจนสุดที่ 6,550 รอบต่อนาที ความดังของเสียงจากท่อระบายท้ายไม่ได้ดังแบบแหบพร่าเหมือนกับท่อแต่งของร้านโมท่อทั่วไป เสียงสองโทนจากรอบกลางไปรอบสูงสุดคล้ายกับ Lexus GS 250 F Sport ที่มีระบบสร้างเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และท่อท้าย นอกจากเสียงท่อที่โหดดุดันของ V40 T5 R-Limited แล้วยังมีเสียงดูดอากาศของเทอร์โบดังให้ได้ยินตลอดเวลาหากคุณขับแบบเปิดกระจก เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ผ่านหม้อพักและท่อระบายผ่านการปรับแต่งให้เสียงที่ออกมามีความแปลกแยกจาก V40 รุ่นปกติที่เงียบจนน่าใจหาย เมื่อกดคันเร่งหนักๆ ในหุบเขา เสียงท่อที่ก้องสะท้อนดังกระหึ่มจนทำให้ฝูงลิงแถบนั้นถึงกับแตกตื่นกันเป็นแถบ