สมาคมธุรกิจและการท่องเที่ยวพัทยา เผย ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง-ระบบขนส่งอู่ตะเภาล่าช้า เร่งประสานขอเพิ่มอัตรากำลัง หลัง เตรียมเปิดตัวสนามบิน ต้นปี 59 หวัง ใช้เป็นศูนย์กลาง เชื่อมโยงการเดินทาง-ท่องเที่ยวภาคตะวันออก ...
วันที่ 19 พ.ย. 58 นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมเมืองพัทยา นายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ และตัวแทนจาก ททท.พัทยา และองค์กรภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เดินทางเข้าพบ พล.ร.ต.วรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานสนามบินนาชาติอู่ตะเภา เพื่อติดตามความคืบหน้า การพัฒนาอาคารผู้โดยสารใหม่สนามบินอู่ตะเภา และประสานความร่วมมือในการส่งเสริมสนามบิน เพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการคมนาคม และการท่องเที่ยวของภาคตะวันออก ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้อู่ตะเภาเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ
ทั้งนี้ มีการบรรยายสรุปว่า สำหรับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ถูกยกฐานะให้เป็นสนามบินพาณิชย์มาตั้งแต่ ปี 2519 ในการดูแลของกองทัพเรือ รองรับสายการบินได้กว่า 6.2 หมื่นเที่ยวต่อปี และอาคารผู้โดยสาร ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 8.7 แสนคนต่อปี แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ที่พบว่า สนามบินพาณิชย์แห่งชาติ 2 สนามบินหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ และดอนเมืองนั้นเริ่มมีความแออัดมากขึ้น ภาครัฐจึงมีแนวคิด ในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ เนื่องจากมีความเหมาะสม ทางด้านกายภาพ และภูมิศาสตร์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนในการจัดสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ เป็นอาคารที่ทันสมัย สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นถึงปีละ 3 ล้านคน จะส่งมอบเพื่อเปิดดำเนินการได้ ภายในเดือนมิถุนายน 2559 ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ
...
ด้าน นายธเนศ กล่าวว่า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว และคมนาคมอย่างมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออก เพราะที่ผ่านมา ยังมีปัญหาหลายด้านที่ต้องพัฒนา และแก้ไขเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรองรับ เช่น การตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากที่ผ่านมามีความล่าช้า เพราะอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ขัดแย้งต่อแผนการส่งเสริมให้มีสายการบินมาใช้บริการมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างสนามบิน กับเมืองพัทยา และระบบขนส่งมวลชนที่จะรองรับนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ
จากกรณีดังกล่าว พล.ร.ต.วรพล ระบุว่า ในส่วนของขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองนั้น ที่ผ่านมา ทางสนามบิน พยายามประสานไปยังผู้เกี่ยวข้อง เพื่อขอสนับสนุนอัตรากำลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่คืบหน้ามากนัก ขณะที่ระบบการขนส่งนั้น มีการเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้ามาร่วมให้บริการตามขั้นตอน และกรอบที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ นั้น คงจะมีการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนมากขึ้นหากปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย.