รวบตัวการร้ายได้24คน ตามล่าหัวหน้าวางแผน ‘อาบาอูด’มือเพชฌฆาต
เบลเยียมรวบ “ซาลาห์ อับเดสแลม” หนุ่มฝรั่งเศสเชื้อสายเบลเยียม ผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการก่อเหตุกราดยิงในกรุงปารีส ด้านฝรั่งเศสปฏิบัติการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” จัดชุดใหญ่ลุยถล่มซีเรียล้างแค้นไอเอส ทิ้งระเบิดโจมตี 20 ลูก บอมบ์จุดสำคัญ โดยเฉพาะหน่วยรบไอเอสเสียหายหนัก “ฟรองซัวส์” ประธานาธิบดีแดนน้ำหอม ลั่นขอเอาคืนแบบ “ไร้ความปรานี” และจะบดขยี้ซีเรียให้ราบคาบ อิรักเผยไอเอสวางแผนก่อเหตุ เย้ยฝรั่งเศสเป็นเมืองค้ากาม ผู้นำโลกเล็งคุยรับมือก่อการร้าย แฉ 3 พี่น้องร่วมก่อเหตุสร้างความเลวร้ายสะเทือนโลก เผยตุรกีรอดหวุดหวิดเหตุวินาศกรรมวันเดียวกับปารีส
ฝรั่งเศสปฏิบัติการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ด้วยการตอบโต้กองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุกราดยิงและระเบิดพลีชีพสะเทือนขวัญกรุงปารีสเมื่อ 13 พ.ย. โดยล่าสุดได้ส่งเครื่องบินรบร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ระเบิดถล่มเมืองรักกาของซีเรีย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของไอเอส ส่วนตำรวจในฝรั่งเศสและเบลเยียมเร่งประสานกำลังตามล่าตัวคนร้ายรายที่ 8 ที่คาดว่าหลบหนีการจับกุมไปได้
ฝรั่งเศสล้างแค้นจัด “ชุดใหญ่” ถล่มไอเอส
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมแห่งฝรั่งเศสออกแถลงการณ์เมื่อ 15 พ.ย.ว่า กองทัพฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินรบและเครื่องบินลำเลียง รวม 12 ลำ ปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ที่เมืองรักกาของซีเรีย ตอบโต้ที่กลุ่ม ไอเอสเป็นผู้วางแผนก่อเหตุกราดยิงและระเบิดพลีชีพถล่มกรุงปารีส 6 จุดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 129 ราย บาดเจ็บอีกราว 300 ราย โดยปฏิบัติการถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอสครั้งนี้ถือว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่ฝรั่งเศสประกาศขยายเวลาปฏิบัติภารกิจร่วมกับสหรัฐอเมริกา ในการทำสงครามกับกลุ่มไอเอสเมื่อเดือน ก.ย. 58 โดยเครื่องบินรบฝรั่งเศส 10 ลำ รวมถึงเครื่องบินลำเลียง 2 ลำ บินออกจากฐานทัพอากาศในประเทศจอร์แดน พันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เมื่อเวลาประมาณ 19.50 น.ของวันที่ 15 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 02.50 น.วันที่ 16 พ.ย.ตามเวลาไทย
...
จัดหนักทิ้งระเบิดโจมตี 20 จุด
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากนายมิคาเอล โซเรีย ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อของ รมว.กลาโหมฝรั่งเศส ว่า เครื่องบินรบของฝรั่งเศสได้ออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ ถล่มกลุ่มไอเอสในเมืองรักกา ด้วยการทิ้งระเบิดโจมตี 20 ลูก ถล่มสถานที่ ที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มไอเอส ทำลายเป้าหมายทั้งหมดรวมถึงศูนย์บัญชาการศูนย์รับสมัครนักรบ คลังเก็บอาวุธและค่ายฝึก แต่กลุ่มผู้สังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย แสดงความกังวลว่าปฏิบัติการโจมตีของกองทัพฝรั่งเศสและสหรัฐฯครั้งนี้อาจส่งผลกระทบให้พลเรือนถูกลูกหลงไปด้วย พร้อมย้ำว่าประชาชนในเมืองรักกาของซีเรียไม่ได้เป็นแนวร่วมของกลุ่มไอเอสทั้งหมด
ยืนยันทิ้งระเบิดถูกหน่วยรบไอเอส
ด้านนายรามี อับดุลเราะห์มาน เจ้าหน้าที่กลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนของอังกฤษ ที่ประจำอยู่ในซีเรีย เปิดเผยว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศฝรั่งเศส ได้เล็งเป้าหมายไปที่ค่ายฝึกนักรบและคลังอาวุธของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสในเมืองรักกาฐานที่มั่นสำคัญของไอเอสในภาคตะวันออกของซีเรีย บรรยากาศการโจมตีเป็นไปอย่างหนักหน่วง มีรายงานได้ผู้ยินเสียงระเบิดมากกว่า 30 ครั้ง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียงทั้งหมด เกิดจากการโจมตีทางอากาศหรืออาวุธชนิดอื่นหรือไม่ ส่วนกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านไอเอสในซีเรีย ระบุว่า หน่วยที่ 17 และค่ายฝึกหน่วยแนวหน้าของไอเอสได้รับความเสียหายจากการโจมตี แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนเท่าไร เนื่องจากกลุ่มไอเอสสกัดกั้นการสัญจรทั้งหมดภายในเมืองรักกา
ลั่นขอ “เอาคืน” แบบไร้ “ความปรานี”
นายฟรองซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยเหยื่อผู้เสียชีวิตในเหตุวินาศกรรมกรุงปารีส ที่พระราชวังเซลีเซส์ของฝรั่งเศสเมื่อช่วงเช้า 15 พ.ย. ระบุว่า การก่อเหตุของกลุ่มไอเอสเป็นการก่อสงคราม ขณะที่หลังเกิดเหตุในวันที่ 13 พ.ย.ได้ไม่นาน นายโอลองด์ได้ประกาศอีกว่า ฝรั่งเศสจะตอบโต้กลุ่มก่อเหตุโดยไร้ความปรานี โดยจะบดขยี้กลุ่มไอเอสให้ราบคาบ
ลุยล้างแหล่งซ่องสุมมุสลิมหัวแรง
ด้านนายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ แห่งฝรั่งเศส แถลงว่า เมื่อรุ่งเช้าวันจันทร์ที่ 16 พ.ย. ตำรวจฝรั่งเศสบุกจู่โจมสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงกว่า 168 แห่งในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งที่เมืองโบบิกนี ชานกรุงปารีส เมืองเกรโนเบิล ลียง และตูลูสแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการจู่โจมเผยว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อีกหลายคน ยึดอาวุธได้จำนวนมากรวมทั้งเครื่องยิงจรวด ปืนไรเฟิลจู่โจมแบบคาลาชนิคอฟ ปืนพก เสื้อเกราะกันกระสุน และอุปกรณ์สงครามต่างๆ ไปจนถึงเงินสด ทั้งนี้การตอบโต้ของฝรั่งเศสจะใหญ่โตเบ็ดเสร็จ
เผยวางแผนถล่มปารีสจากซีเรีย
นายมานูเอลเผยด้วยว่า การโจมตีกรุงปารีสครั้งนี้ มีการวางแผนและจัดระบบจากซีเรีย เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ผู้ก่อการร้ายกำลังวางแผนและเตรียมการโจมตีครั้งใหม่ ทั้งในฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ในยุโรป การโจมตีครั้งใหม่อาจเกิดขึ้น ภายในไม่กี่วันหรือสัปดาห์ข้างหน้า ฝรั่งเศสยังต้องอยู่กับภัยคุกคามจากการก่อการร้ายอีกนาน เรากำลังทำสงครามกับการก่อการร้าย เป็นการต่อสู้กับ “กองทัพผู้ก่อการร้าย” ไม่ใช่แค่กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มเดียว และตั้งแต่ฤดูร้อนปีนี้เป็นต้นมา หน่วยข่าวกรองฝรั่งเศสสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายได้ถึง 5 ครั้งแล้ว
ยังเดินหน้าประชุมโลกร้อน
นายกรัฐมนตรีมานูเอล ยืนยันด้วยว่า การประชุมว่าด้วยสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงหรือสภาวะโลกร้อนที่กรุงปารีสตั้งแต่ 30 พ.ย. จะมีขึ้นตามกำหนด แต่การแสดงคอนเสิร์ตและงานรื่นเริงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมจะถูกยกเลิก การประชุมดังกล่าวจะทำให้กรุงปารีสเป็น “เมืองหลวงของโลก” และยังไม่มีประมุขรัฐหรือผู้นำรัฐบาลประเทศใดๆ ขอให้เลื่อนออกไปเพราะภัยก่อการร้าย ด้านนายโธมัส บาช ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กล่าวว่า การโจมตีกรุงปารีสไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสที่ฝรั่งเศสขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2024 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า ขณะที่หลายฝ่ายหวั่นวิตกเรื่องภัยก่อการร้ายในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 รอบสุดท้าย และการแข่งขันจักรยาน ตู เดอ ฟรองซ์ ในปีหน้านี้
...
เผยชื่อหัวหน้าวางแผนก่อการร้าย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงฝรั่งเศสคนหนึ่งเปิดเผยว่า หลังการสืบสวนอย่างเข้มข้น เจ้าหน้าที่ได้ทราบชื่อของหัวหน้าผู้วางแผนในการก่อเหตุครั้งนี้ คือนายอับเดลฮาหมิด อาบาอูด ชาวเบลเยียมเชื้อสายโมร็อกโก วัย 27 ปี เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตามล่าตัว จากการตามสัญญาณโทรศัพท์ของเจ้าตัว พบว่าอยู่ในประเทศกรีซ นอกจากนี้ ทางการยังเชื่อว่านายอาบาอูดมีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนโจมตีฝรั่งเศสถึง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ คือเหตุพยายามโจมตีโบสถ์สองแห่งในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่คนร้ายดันทำปืนลั่นยิงขาตัวเอง กับเหตุโจมตีบนขบวนรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ สู่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่คนร้ายถูกกลุ่มทหารอเมริกันบุกชาร์จรวบตัวไว้ได้ก่อนลงมือ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ปีนี้ ส่วนวิทยุอาร์ทีแอลของฝรั่งเศส รายงานว่า นายอาบาอูดเป็นเพชฌฆาตมือหลักของกลุ่มไอเอสในซีเรีย
ชื่อมือบึ้มโผล่อีก 2 คน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อัยการฝรั่งเศส พบว่าลายนิ้วมือของหนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่จุดระเบิดพลีชีพบริเวณด้านนอกของสนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์ ตรงกับบุคคลที่ลงทะเบียนในประเทศกรีซ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยตรวจดูรายชื่อบนพาสปอร์ตระบุว่า นายอาห์หมัด อัล โมฮัมหมัด อายุ 25 ปี เกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2533 ที่เมืองอิดลิบ ซีเรีย ส่วนมือระเบิดพลีชีพอีกคน ที่งานแสดงคอนเสิร์ตโรงละครบาตากล็อง ทราบชื่อคือ นายซามี อามีมูร์ อายุ 28 ปีชาวฝรั่งเศสในเมืองดร็องซี ตอนเหนือของกรุงปารีส เป็นบุคคลที่หน่วยปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายรู้จักเป็นอย่างดี หลังถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2555 โดยสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนก่อการร้าย โจมตีประเทศเยเมนแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นนายอามีมูร์ก็หลบหนีคดีช่วงเดือน ต.ค.2556 จึงมีการออกหมายจับสากล ครอบครัวของนายอามีมูร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ก่อนวันเกิดเหตุในกรุงปารีสว่า นายอามีมูร์หนีไปอยู่ซีเรียเมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสจึงนำตัวสมาชิกครอบครัวอามีมูร์ 3 คนไปฝากขังเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม
...
เบลเยียมรวบซาลาห์-ลุยค้นบ้าน
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเบลเยียมปฏิบัติการบุกค้นบ้านพักต้องสงสัยเพิ่มเติมในเขตโมเลนบีค กรุงบรัสเซลส์ หลังก่อนหน้านี้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันการก่อการร้ายกลางกรุงปารีส ในพื้นที่ดังกล่าวไปแล้วอย่างน้อย 7 คน จากนั้นไม่นานก็มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประสบความสำเร็จในการจับกุมนายซาลาห์ อับเดสแลม ชาวฝรั่งเศสวัย 26 ปี ที่อาศัยอยู่ในเบลเยียม ที่เชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้วางแผนและอาจเป็นผู้ร่วมก่อเหตุสยองรายที่ 8 ที่หลบหนีออกจากฝรั่งเศสไปได้ และเป็นน้องชายของนายบราฮิม อับเดสแลม อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 พ.ย.
ฝรั่งเศสจับเพิ่ม 24 ราย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยต่อต้านก่อการร้ายของฝรั่งเศส ได้จับกุมผู้สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มไอเอสในการก่อเหตุวินาศกรรม ถล่มกรุงปารีสเพิ่มอีก 24 ราย โดย 19 รายเป็นผู้วางแผนก่อเหตุ และอีก 5 ราย เป็นผู้รับหน้าที่จัดหาอุปกรณ์และวัตถุระเบิด นอกจากนี้ ยังมีรายงานอ้างอิงหน่วยข่าวกรองของประเทศอิรัก ระบุว่ากลุ่มไอเอสเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ กลุ่มนักรบพลีชีพญิฮาดิสต์ หลังเกิดเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ว่าไอเอสพร้อมทำสงครามต่อเนื่อง เพื่อตอบโต้กลุ่มประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ต่อไอเอส และเข้าร่วมในปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของไอเอสในอิรักและซีเรีย ทั้งยังมีการเผยแพร่ข้อความเยาะเย้ยฝรั่งเศสด้วยว่า กรุงปารีสเปรียบได้กับเมืองหลวงแห่งการค้าประเวณีและแหล่งรวมความเสื่อมโทรม
ขวัญผวาประทัดดังคิดว่าเสียงปืน
ตำรวจในกรุงปารีสเปิดเผยว่า ประชาชน ซึ่งมารวมตัววางช่อดอกไม้และจุดเทียนไว้อาลัยที่จัตุรัสลา เรปูบลิก ในกรุงปารีส รำลึกถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตในเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อวันที่ 13 พ.ย. แตกตื่นวิ่งหนีกันชุลมุนหลังมีผู้ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่ง ถึงกับกระโดดลงแม่น้ำที่หนาวเย็น และมีการเผยแพร่ข่าวลือผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ “ทวิตเตอร์” ในเวลาต่อมาไม่นานว่ามีผู้ก่อเหตุกราดยิงรอบใหม่ ขณะที่ผลสอบสวนพบว่าเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเสียงประทัด ทำให้ตำรวจออกตระเวนชี้แจงต่อประชาชนให้อยู่ในความสงบ ขณะที่สื่อฝรั่งเศสรายงานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกหลังเกิดเหตุวินาศกรรม
...
ตุรกีอ้างเคยจับตาหนึ่งในผู้ก่อเหตุ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของตุรกี เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุที่มีการเปิดเผยชื่อสู่สาธารณชนเป็นคนแรก นายโอมาร์ อิสมาลี มอสเตฟาย ชาวฝรั่งเศส เชื้อสายแอลจีเรีย วัย 29 ปี ผู้ก่อเหตุในโรงละครบาตากล็องนั้น ทางการตุรกีได้จับตามานานตั้งแต่ปี 2556 หลังเดินทางเข้าตุรกีและไม่พบหลักฐานว่าได้มีการเดินทางออกจากตุรกีอีก พร้อมได้มีการแจ้งเตือนให้ฝรั่งเศสรับทราบแล้วถึง 2 ครั้ง ในเดือน ธ.ค.2557 และเดือน มิ.ย.2558 แต่ฝรั่งเศสเพิ่งมาขอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับนายมอสเตฟาย หลังเกิดเหตุวันที่ 13 พ.ย.
สกัดแผนวินาศกรรมได้ฉิวเฉียด
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ย. อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกี พบว่าหน่วยต่อต้านก่อการร้ายของตุรกี ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นแนวร่วมกลุ่มไอเอสได้ 5 ราย และสกัดแผนการก่อเหตุวินาศกรรมที่พุ่งเป้าโจมตีนครอิสตันบูลของตุรกี ในวันเดียวกันกับที่เกิดเหตุกราดยิงและระเบิดพลีชีพในกรุงปารีส เจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกี กำลังสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันเกิดเหตุ และพบเบาะแสเพิ่มเติมว่าทั้งหมดเป็นเครือข่ายก่อการร้ายไอเอสที่ใกล้ชิดกับ “ญิฮาดจอห์น” ชาวอังกฤษที่เป็นแนวร่วมกลุ่มไอเอส และเป็นผู้ลงมือฆ่าตัดศีรษะตัวประกันชาวอเมริกัน อังกฤษ ญี่ปุ่นในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นอาชญากรที่สหรัฐฯต้องการตัว
ผู้นำโลกเล็งคุยรับมือก่อการร้าย
ขณะที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางถึงเมืองอันตาเลียในประเทศตุรกี เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมจี 20 ที่รัฐบาลตุรกีเป็นเจ้าภาพ เมื่อ 16 พ.ย. และโฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่านายโอบามาจะหารือกับผู้นำกลุ่มประเทศจี 20 นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจ เพื่อหารือกันเพิ่มเติมเรื่องความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อป้องกันและตอบโต้เครือข่ายก่อการร้าย หลังเกิดเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญร้ายแรง และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ออกมายอมรับว่าไม่ได้รับข้อมูลหรือเบาะแสการก่อเหตุล่วงหน้า ถือว่าเป็นความมืดบอดในเรื่องดังกล่าว ขณะที่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมประชุมหารือมาตรการรักษาความปลอดภัยและการรับมือกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวมากับกลุ่มผู้อพยพ โดยการประชุมจะจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมในวันที่ 20 พ.ย.ที่จะถึง