ป.ป.ช.แจงข้อซักถาม สนช. สอย “สมศักดิ์” รวยผิดปกติ จับผิดที่มาบ้านหรู 16 ล้าน ด้าน “สมศักดิ์” โต้ ไม่ใช่บ้านของตัวเอง โวย สนช.จ้องถามนอกประเด็น นัดลงมติตัดสินชะตา 13 พ.ย. นี้ 

วันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภามีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาถอดถอน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ พรรคชาติไทย ร่ำรวยผิดปกติ กรณีการสร้างบ้านมูลค่า 16 ล้านบาท ที่ จ.อ่างทอง โดยเป็นขั้นตอนการซักถามคู่กรณี คือ ป.ป.ช. และนายสมศักดิ์


โดย ป.ป.ช.ได้ส่งนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช.เป็นตัวแทนตอบข้อซักถาม ส่วน นายสมศักดิ์ มาตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการซักถามฯ ได้ตั้งคำถามฝ่าย ป.ป.ช. 8 ข้อ อาทิ ป.ป.ช. มีอำนาจถอดถอนนายสมศักดิ์กรณีร่ำรวยผิดปกติ หรือไม่ ใช้หลักเกณฑ์ใดในการพิจารณาเรื่องร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งนายณรงค์ ชี้แจงว่า การที่ ป.ป.ช. ลงมติว่า นายสมศักดิ์ร่ำรวยผิดปกติ วินิจฉัยจากประเด็นที่มาของบ้านราคา 16 ล้านบาท มีความสัมพันธ์กับรายได้หรือไม่ โดยข้อเท็จจริง ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ระบุว่า นายสมศักดิ์ ได้รับเงินสนับสนุนจากพรรคและผู้สนับสนุนอื่นๆ ในการเลือกตั้งปี 39 จำนวน 29 ล้านบาท และนายสมศักดิ์ มีรายได้ต่อปี 5 ล้านบาท แต่จากการไต่สวนของ ป.ป.ช.พบว่า เงินที่ได้รับการสนับสนุน 29 ล้านบาทนั้น นายสมศักดิ์ นำไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ส่วนหนึ่ง ทำให้เงินที่เหลือไม่เพียงพอนำมาปลูกสร้างบ้าน ดังนั้น ทรัพย์สินและรายได้ของนายสมศักดิ์ที่มีอยู่จึงไม่สอดคล้องกับการนำมาสร้างบ้าน ป.ป.ช.จึงไม่เชื่อคำให้การนายสมศักดิ์

...

จากนั้น คณะกรรมาธิการซักถามได้ถามคำถามนายสมศักดิ์ 8 ข้อ อาทิ เหตุใดนายสมศักดิ์จึงยอมรับในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นของตัวเอง ทั้งที่เคยปฏิเสธในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.ว่าไม่ใช่บ้านของตัวเอง และเหตุใดนำเงินที่ได้รับสนับสนุนจากพรรคไปสร้างบ้านเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และไม่แจ้งเรื่องเงินสดที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.


โดยนายสมศักดิ์ชี้แจงว่า เหตุที่ไม่ยอมรับว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของตัวเอง เนื่องจากการขออนุญาตก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายไพโรจน์ ฉัตรบริรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าช้าง จ.อ่างทอง ซึ่งบ้านและที่ดินส่วนนี้ปรากฏอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของ นายไพโรจน์ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ด้วย แต่เมื่อศาลฎีกาฯ ตัดสินว่า บ้านหลังนี้เป็นของตนก็ต้องยอมรับ ขณะนี้ยังไม่มีการโอนสิทธิบ้านให้ตน แล้วจะไปแจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ว่า เป็นบ้านของตนได้อย่างไร ไม่ถือว่าให้การขัดแย้ง เพราะเป็นไปตามเอกสารที่มีอยู่จริง ส่วนที่นำเงินพรรคไปสร้างบ้านนั้น เพราะเป็นเงินที่เหลือจากการเลือกตั้ง ตนไม่ได้ใช้เงินมากในการเลือกตั้ง ทำให้มีเงินเหลือนำมาสร้างเรือนรับรองเพื่อรับแขก และชาวบ้านที่มาร้องเรียนขอความช่วยเหลือ และการที่ไม่แจ้งเงินสดต่อ ป.ป.ช. เพราะการเป็นนักการเมืองต้องมีเงินสดสำรองติดอยู่กับบ้าน เพราะไม่รู้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง และต้องดูแลฐานการเมืองท้องถิ่น ถามว่า ผิดหรือไม่ที่ไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ถือว่า ผิดซึ่งถูกศาลฎีกาฯ ลงโทษอย่างสาหัส ด้วยการตัดสิทธิทางการเมือง ทุกอย่างใช้กรรมไป

ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า ญัตติที่ ป.ป.ช.ยื่นให้ สนช.ถอดถอนตนเป็นเรื่องร่ำรวยผิดปกติ แต่คำถามทั้งหมดรู้สึกว่า จงใจถามเรื่องปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ทั้งที่เป็นคนละประเด็นกัน เพราะเรื่องปกปิดทรัพย์สินได้ถูกศาลฎีกาฯ ลงโทษไปแล้ว

หลังจากจบกระบวนการซักถามแล้ว นายสุรชัย กล่าวว่า ได้นัดให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาแถลงปิดสำนวนคดีอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ย. โดย ป.ป.ช.แจ้งว่า จะแถลงปิดสำนวนด้วยเอกสาร ดังนั้นในวันที่ 12 พ.ย.จะมีนายสมศักดิ์ เป็นผู้มาแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาเพียงฝ่ายเดียว และนัดลงมติในวันที่ 13 พ.ย.นี้