หลังจาก “นโยบายรถคันแรก” ของรัฐบาลนายกฯปูปิดฉากไปแบบไม่ค่อยสวยงาม

เพราะคนที่แห่กันไปใช้สิทธ์ิซื้อรถคันแรกผ่อนต่อไม่ไหวหมดแรงข้าวต้มกลางทาง

คราวนี้ก็มาถึง “นโยบายบ้านหลังแรก” ของรัฐบาลนายกฯตู่ที่เพิ่งคลอดออกมาสดๆร้อนๆ เมื่อวานซืน

มีเสียงวิจารณ์กันแซ่ดว่า “โครงการบ้านหลังแรก” ลอกเลียนแบบ “โครง-การรถคันแรก” มาทั้งยวง

เอ้อ...จะลอกจริงหรือไม่ “แม่ลูกจันทร์” ขอสงวนสิทธิ์ไม่วิจารณ์

เอาเถอะ...ถือเป็นเจตนาดีของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

รัฐบาลจึงขอคืนความสุขให้ประชาชนด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจดจำนองจาก 2 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์

แถม 20 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้านหลังแรกยังเอาไปหักลดภาษีเงินได้ อีก 5 ปี

โปรโมชั่นพิเศษสุดๆอย่างนี้ ไม่มีบ่อยๆนะท่านผู้ชม

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าท่านที่สนใจโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล จะต้องมีเงื่อนไข 3 ประการคือ

1. ต้องเป็น “บ้านหลังแรก” จริงๆ ไม่มีรายการแหกตา

2. ต้องมีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทขาดตัว

3. ห้ามขาย ห้ามโอน ห้ามเซ้ง ห้ามเปลี่ยนมือ ไม่ต่ำกว่า 5 ปี

ทั้งนี้ เพื่อให้คนระดับกลางที่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง คนที่มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคาร ได้รับประโยชน์จากนโยบายบ้านหลังแรกของรัฐบาลโดยตรง

ข้อสำคัญ โครงการบ้านหลังแรก ยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อและกู้ชีพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเหลือค้างสต๊อกขายไม่ออกอีกบานตะไท

อนึ่ง เพื่อให้ฝันเป็นจริง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจได้มีบัญชาให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระดมเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้โครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล

...

สั่งให้ ธอส. “ขยายเพดานกู้เงินเต็มอัตราศึก” อย่างที่ไม่เคยมีแบงก์ไหนกล้าทำ

เช่น...ผู้มีรายได้สุทธิเดือนละ 1 หมื่นบาท มีสิทธิ์กู้ได้ถึง 1 ล้านบาท

ผู้มีรายได้สุทธิเดือนละ 2 หมื่นบาท สามารถกู้ได้ถึง 2 ล้านบาท

และผู้มีรายได้สุทธิเดือนละ 3 หมื่นบาทกู้ได้ 3 ล้านบาทเต็มเพดาน

พร้อมขยายเวลาผ่อนชำระเงินกู้ยาวถึง 30 ปี

คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดติ่ง 3.5 เปอร์-เซ็นต์ต่อปี (ปีแรกปีเดียว)

จะกู้ไปซื้อบ้านเดี่ยว หรือจะซื้อห้องชุดคอนโดก็เชิญตามสบาย

ขออย่างเดียว...อย่าเบี้ยวหนี้ก็แล้วกัน

“แม่ลูกจันทร์” ชูจั๊กกระแร้เชียร์โครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล

แต่อดหวั่นใจไม่ได้ว่าอาจเกิดปัญหาตามมา??

ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีรายได้ 3 หมื่นบาทต่อเดือน กู้เงิน ธอส.ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทขาดตัว

คุณจะต้องแบกภาระผ่อนดอกผ่อนต้นเงินให้แบงก์ ธอส. เดือนละ 1.5 หมื่นบาท เป็นเวลายืดยาวถึง 30 ปี

เท่ากับจะเหลือเงินติดกระเป๋าสำหรับใช้จ่ายทุกอย่างเพียง 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน

1.5 หมื่นบาทต่อเดือน สำหรับค่าใช้จ่ายรายวันไม่รวมค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาและรายจ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย

1.5 หมื่นบาทต่อเดือนจะเอาอยู่มั้ยคุณ??

ระวัง... “โครงการบ้านหลังแรก” จะจบไม่สวยยิ่งกว่า “โครงการรถคันแรก” นะโยม??


“แม่ลูกจันทร์”