การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่บรรดาผู้นำประเทศมีโอกาสได้แสดงวิสัยทัศน์ โชว์ศิลปะการพูดต่อประชาคมโลก
แต่บางครั้งก็ใช่ว่าจะเปี่ยมด้วยสาระ กลับ กลายเป็นนอกลู่นอกทางไปเลย จนถูกบันทึกจดลงปูมไว้เป็นเรื่องโจษจันเล่าขานกันไปชั่วลูกชั่วหลาน
อย่างรายแรก พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการผู้ล่วงลับจากประเทศลิเบีย ที่สร้างประวัติการณ์ทำเอาล่ามแปลภาษา “เป็นลม” ล้มตึงกลางฟลอร์ เมื่อปี 2552 หลังเจ้าตัวจ้ออย่างติดลมลากยาว 1 ชั่วโมง 15 นาที ไม่สนกรอบเวลา 15 นาที ที่ถูกกำหนดไว้ โดยก่อนที่จะหมดสติไปล่ามถึงกับบ่นออกไมค์เป็นภาษาอาระบิกว่า “ผมสู้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
สำหรับรายที่สองคือนายฮูโก ชาเวซ อดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับจากประเทศเวเนซุเอลา ที่เมื่อปี 2549 ได้ขึ้นเวทีโชว์ลีลาไล่ผี โดยพาดพิงนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขึ้นพูดไปวันก่อนหน้าว่าเป็นปีศาจจากนรก กลิ่นไอกำมะถันอเวจียังเหม็นคลุ้งโพเดียม ก่อนทำมือสัญลักษณ์ไม้กางเขน สวดภาวนาตาแหงนมองฟ้า และต่อจากนั้นอีก 3 ปีต่อมา เจ้าตัวยังขึ้นไปร้องเพลงแต่งสด พร้อมเล่นกีตาร์อากาศ
ตามด้วยรายที่สาม นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวจากประเทศอิสราเอล ที่เมื่อปี 2555 ขึ้นเวทีไปอย่างขึงขัง เตือนชาวโลก ว่าประเทศอิหร่านใกล้จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ แต่สุดท้ายกลับถูกแซวกระจายว่าเป็นคุณครูมาดเข้ม เพราะดันถือแผ่นภาพประกอบการเรียนการสอนขึ้นไปด้วย เป็นรูประเบิดที่ถูกจุดชนวน ก่อนเริ่มอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนว่านี่ระเบิดนะแล้วนี่คือชนวน ตอนนี้นิวเคลียร์อิหร่านมาถึงจุดนี้ๆแล้ว
ส่วนรายที่สี่ นายพลอีดี้ อามิน อดีตผู้นำ เผด็จการจากยูกันดา ที่สร้างเรื่องจากการพูดผิดเต็มๆในปี 2516 หลังได้ขึ้นกล่าวชมนายเอ็ดเวิร์ด ฮีธ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยนั้น ว่าเก่งเหมือนอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พอลงจากเวทีถูกนักข่าวถาม ถึงกลับร้องเฮ้ย ผมจะชมว่าเหมือนนายกฯอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิล ไม่ใช่ฮิตเลอร์นะ ขอร้องล่ะอย่าเอาไปลงข่าวเลย
...
มาการประชุมสมัชชาฯครั้งที่ 70 ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-3 ต.ค. นี้ จึงน่าจับตาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของเรา ว่าจะพูดได้ดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนรายการคืนความสุขรึเปล่า จะเปิดคอมฯรอดู.
ตุ๊ ปากเกร็ด