ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงหนัก ส่งผลให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ชาติร่ำรวยจากการส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก จำต้องตัดงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐ และเลื่อนโครงการที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.58 สำนักข่าวบีบีซี รายงานจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทำราคาน้ำมันดิบร่วงต่อเนื่อง ส่งผลให้นายอิบราฮิม อัล-อัสซาฟ รมว.คลังของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC Arabia (ซีเอ็นบีซี อะราเบีย)ว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย  จำเป็นต้องตัดงบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมทั้งเลื่อนโครงการบางโครงการของรัฐออกไปก่อน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตกต่ำ

‘พวกเราต้องลดหนี้สาธารณะลงให้อยู่ในระดับใกล้ศูนย์ และเรากำลังทำงานเกี่ยวกับการตัดค่าใช้จ่ายในภาครัฐที่ไม่จำเป็น ขณะเดียวกันกับที่ต้องมุ่งเน้นไปที่โครงการพัฒนาสำคัญๆ และการสร้างทรัพยากรมนุษย์ในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย’ รมว.คลังซาอุดีอาระเบียกล่าว พร้อมกับชี้ถึงความสำคัญของโครงการด้าน การศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค ว่า ไม่ใช่แต่เพียงมีความสำคัญต่อภาคเอกชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวของซาอุดีอาระเบียด้วย

บีบีซีแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นชาติร่ำรวย จากการส่งออกน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก ยังคงรักษาระดับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบไว้คงที่เช่นเดิม ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันร่วงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าปีที่แล้วถึงครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บีบีซี ชี้ว่า รมว.คลังซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการตัดงบประมาณภาครัฐแต่อย่างใด