"นายกฯ" ประชุมติดตามงานเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระบุการพัฒนาต้องควบคู่ทำความเข้าใจ เน้นลดเหลื่อมล้ำให้ ปชช.เข้าถึงทรัพยากร ฝากดูแลแรงงานไทย-เทศ ให้มีคุณภาพ คุ้มค่าแรง ขู่เอาคืนสื่อฯ ฟ้องคอลัมน์ 'ลมเปลี่ยนทิศ' เป็นแบบอย่างทำให้ ปชช.เข้าใจผิด 

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามผลการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม

โดย นายกฯ กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่เรามุ่งหวังต้องทำควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ เพราะหากทำได้สำเร็จจะพัฒนาไปสู่ระยะที่ 2 อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงต้องมาหารือกันในรายละเอียดว่ามีปัญหาอย่างไร ซึ่งขอให้ภาคราชการจริงจังกับเรื่องกฎหมาย เพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจในบทบาทกับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยนบิดเบือนไป จึงต้องขอฝากผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคธุรกิจในจังหวัดตาก โดยเฉพาะพื้นที่ 3 อำเภอที่อยู่ในโซนและ อบต. อบจ. ระดับท้องถิ่นทั้งหมด รวมถึงเศรษฐีในพื้นที่ด้วยต้องลดความเหลื่อมล้ำให้ความเป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทรัพยากร ซึ่งนี่คือการดำเนินการทางประชาธิปไตย เพราะไม่ใช่ว่าเราจะเดินไปสู่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นและให้ดีอย่างที่เราต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน โดยไม่ต้องมากลัวว่าตนจะใช้อำนาจหรืออยู่นาน อยู่ต่อ

...

ตอนนี้คิดแค่ว่าเราจะแก้ปัญหาที่ผ่านมาอย่างไร และวันหน้าการเมืองของประเทศไทยตามระบอบประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ถ้าปลอดภัยก็จบแล้วก็ทำกันเอง ดังนั้นวันนี้จะใช้เวลาที่มีอยู่ทำให้ดีที่สุด โดยหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่มาร่วมหารือในวันนี้จะเกิดประโยชน์กับในพื้นที่ ซึ่งตนขอย้ำเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนตั้งแต่คนยากจน รายได้น้อย เศรษฐี นักธุรกิจ ต้องเน้นให้มีการเพิ่มปริมาณการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านให้สูงขึ้นจากเดิม 1 แสนล้านบาท ตนหวังจะให้ถึง 2 แสนล้านบาทเสียด้วยซ้ำ โดยต้องควบคู่กันไปทั้งฝั่งไทยและเมียนมา รวมถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ จีเอสพี ภาษี สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาคิดทั้งหมด โดยในวันเดียวกันนี้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ได้มาร่วมติดตามงานอย่างใกล้ชิด 

นายกฯ กล่าวว่า การที่เราจะสร้างบ้านแปลงเมืองประเทศไทยกันใหม่ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ต้องทำยุทธศาสตร์ของประเทศไทยคือมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนตามหลักการวิสัยทัศน์ของตน และล่าสุดที่ตนได้เขียนออกมาว่า stronger togerter our home our country เพราะนี่คือประเทศเรา บ้านของเรา เราก็ต้องดูแลบ้านของเราให้ดีและเข้มแข็ง ดังนั้นความมั่นคงต้องควบคู่ไปกับความมั่งคั่ง แล้วในวันหน้าจะยั่งยืน หากทำจุดนี้สำเร็จจะเป็นประตูไปสู่อันดามัน เชื่อมต่อเมียนมาไปอินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ตุรกี ยุโรป ซึ่งเป็นการเชื่อมต่ออาเซียนกับสหภาพยุโรป ในวันหน้าไม่ว่าทุกคนจะมีความขัดแย้งกับใครก็แล้วแต่ แต่ต้องกลับมาดูเรื่องเศรษฐกิจลดความขัดแย้ง พัฒนาเศรษฐกิจให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความยากจน เพราะถ้าเกิดมีความยากจนก็จะให้มีกลุ่มเกิดขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลเหมือนที่เคยมีอยู่ เพราะถ้าเกิดปัญหาความรุนแรง บานปลายแล้วใครจะเข้ามาแก้ไข ใช้กำลังเข้ามาแก้ แต่ก็แก้ไม่ได้ทั้งหมด อย่างที่ตนเคยเสนอในประชาคมโลกว่าเราต้องแก้ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นการดูแลประชาคมโลกในวันหน้า ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม 2 ส่วนคือ 1. รัฐบาลดูแลแก้ปัญหาความรุนแรง 2. ดึงคนเหล่านั้นให้กลับมามากที่สุด คือการพัฒนา 

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สำหรับการดำเนินการเพื่อสันติภาพ กรณียูเอ็นมีการขอให้ประเทศไทยได้ไปร่วมประชุม ซึ่งตนก็เสนอไปว่า ถ้าไปตนจะไปในด้านการพัฒนา แต่ถ้าจะให้ตนไปพูด คิดว่าตนไม่น่าจะเหมาะเพราะทั้งระยะทางไกลและศักยภาพของเรายังไม่เพียงพอ ตรงนี้เราก็ต้องพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตามเราก็คงต้องให้ความร่วมมือ

นายกฯ กล่าวว่า การแบ่งพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษควรทำให้เสร็จสมบูรณ์ในช่วงปี 58-59 ซึ่งจะมีทั้งในส่วนนิคม เอกชน ภาครัฐและเจ้าหน้าที่ โดยในส่วนที่รัฐบาลทำอยู่คือเรื่องการทำพื้นที่ที่มีโครงการทำเฉพาะทาง จะตรงไหนก็ได้ที่มีความพร้อม ซึ่งอาจจะนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ได้ หรืออาจไกลออกไป เช่น ลับเบอร์ซิตี้ หรือเมืองก่อสร้าง เมืองรถยนต์ เมืองการศึกษา มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นให้ได้ในระยะต่อไป เหมือนเช่นที่อุตสาหกรรมบางปะกง ฉะเชิงเทรา

นอกจากนี้ขอว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องยึดหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือความเจริญต้องเกิดจากข้างใน คือถ้ามองจากเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องมองไปถึงเศรษฐกิจชุมชนว่าเขาเจริญหรือไม่ เขาได้ประโยชน์อะไร เพราะหากประชาชนบางส่วนไม่เข้าใจก็จะเกิดการต่อต้าน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาจะต้องให้คนคิดเป็น มองปัญหาภาพใหญ่ อย่าเอาแต่ตัวเอง ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงยึดการลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความเป็นธรรมเพราะในโลกนี้เข้าใจดีว่า ไม่มีอะไรที่เท่าเทียมเพราะมีสูง ต่ำ ดำ ขาว แต่สิ่งที่จะให้คนเราเท่าเทียมกันได้คือกฎหมายและใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม เมตตา ดังนั้นเราต้องช่วยกันพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน โดยเฉพาะข้าราชการกับประชาชน

นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยนำแรงงานจากต่างประเทศมาใช้เยอะ จึงต้องดูแลคุณภาพชีวิตของเขาให้ดี และควบคุมคุณภาพแรงงานให้ได้มาตรฐานคุ้มค่าจ้าง ซึ่งในส่วนคนไทยได้ให้ ศธ. เตรียมความพร้อมเรื่องการศึกษา พัฒนาแรงงานฝีมืออาชีพให้ตรงกับความต้องการตลาดแรงงาน และเท่าที่พูดคุยกับผู้ประกอบการ ยินดีให้คนไทยเป็นหัวหน้าแรงงานแต่ติดเรื่องภาษาจึงต้องเพิ่มเข้าไปในหลักสูตรด้วย อีกทั้งอยากให้เร่งเรื่องของการมีตลาดกลางที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้นในประเทศเป็นธุรกิจเพื่อสังคมในรูปแบบสหกรณ์ ซึ่งหากทำได้ก็จะได้สิทธิประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย ขณะเดียวกัน ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการทำธุรกิจต้องได้ประโยชน์ทั้งคู่ เพื่อลดการหวาดระแวงระหว่างกันและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้มีแบรนด์ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 

นอกจากนี้ยังกล่าวถึง คอลัมน์ ลมเปลี่ยนทิศ ที่เขียนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลว่า ได้พูดคุยหลายครั้งแล้ว มีการรับปาก แต่ยังคงเขียนโจมตีอยู่ ถ้ายังไม่หยุดก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปฟ้องร้องเพื่อเป็นการเอาคืนบ้าง ให้เป็นแบบอย่างว่าการใช้สื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชนเป็นอย่างไร

ขณะที่ ผู้ว่าฯ จ.ตาก กล่าวว่า ขณะนี้ติดขัดปัญหาเรื่องที่ดิน ที่พื้นที่ 78% เป็นพื้นที่ป่าและอุทยานไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ เละมีแหล่งน้ำเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องเร่งสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ซึ่งบางแห่งไม่สามารถดำเนินการเพราะต้องใช้พื้นที่ป่า และการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ทั้งนี้ขอให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษที่ อ.พบพระ และ อ.แม่ระมาดด้วย