“พูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง เบื่อพูด ให้พูดแล้วทำได้ป่าว บอกให้เอาการเมืองออกไปจากตำรวจ อย่าให้นายกฯเป็นคนตั้ง ผบ.ตร. อย่าให้รองนายกฯตั้งผู้การ พล.ต.ต. ตำรวจจะได้เลิกติดตามเลิกรับใช้ เลิกเป็นเครื่องมือนักการเมือง กลับมาเป็นตำรวจของประชาชนเสียที”

“อีกเรื่องการปฏิรูปคือการปฏิบัติงานสอบสวนกำลังดิ้นออกจาก สตช. บอกว่าจะไปสังกัดสำนักนายกฯ ไปซุกปีกนักการเมือง ไปรับคำสั่งนักการเมืองโดยใกล้ชิด ดูองค์กรอื่นในกระบวนการยุติธรรม อัยการมี กอ. ศาลมี กต. ไม่มีนักการเมืองเข้าไปแทรก เข้าไปมีบทบาท ทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ท ไม่ขี้เหร่เหมือนเรา”

เป็นกระแสโหมโรงในโลกโซเชียลมีเดียกับคำพูดของ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 วิพากษ์วิจารณ์แบบตรงๆ ในเนื้อหา “ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ชนิด ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ

ยิ่งกว่าการแทรกแซงตำรวจแบบปกติ แต่ใช้เครื่องมือพิเศษ “รัฐธรรมนูญ” แทรกแซงโครงสร้างตำรวจ

ไม่สนใจความรู้สึกของตำรวจส่วนใหญ่ที่รังเกียจกลุ่ม “คนนอก” ที่คิดใช้อิทธิพลกดดันตำรวจ

รายละเอียดที่เสนอไว้ใน รัฐธรรมนูญ มาตรา 282 ไม่ได้ต่างจากที่มีคนบางกลุ่มเสนอผ่าตัดตำรวจ

จะบอกว่า เป็นเรื่องเก่าๆของคนกลุ่มเดิมๆ ที่คิดเปลี่ยนตำรวจก็ไม่น่าจะผิด

ที่สำคัญ...ไม่สนใจภารกิจขอบเขตอำนาจหน้าที่ตำรวจใดๆ ทั้งสิ้น

ทุกครั้งที่มีคนไม่มีความรู้ความเข้าใจตำรวจ แสดงความเห็นแบบแปลกๆ ไม่เข้าท่า

พล.ต.ท.อำนวย จะเป็นกระบอกเสียงแทนตำรวจตอบโต้กลับได้อย่างมีเหตุมีผล

แม้อดีตผู้บังคับบัญชา หรือ “ตำรวจโก๋แก่” ที่คิดเปลี่ยนโครงสร้างตำรวจ แบบเพ้อฝันลมๆแล้งๆ

ไม่ได้คิดมองถึงความเดือดร้อนของผู้ปฏิบัติ และผลเสียที่เกิดกับพี่น้องประชาชน

...

ด้วยความที่เข้าใจระบบงานตำรวจ ผ่านร้อนผ่านหนาว ถูกการเมืองเล่นงาน ทำให้ไม่คิดเกรงกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเหมือนอดีตผู้บังคับ บัญชาที่คิดต่างจากนักการเมือง หรือ “คนนอก” ที่มีอิทธิพลครอบงำรัฐบาล

การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องของการบริหารของหัวหน้าหน่วย ซึ่งเป็นผลจากการแต่งตั้งโยกย้าย ใครควรมีอำนาจย้ายตำรวจคนไหน ผู้บังคับบัญชาเกือบทุกท่านรู้ แต่พออยู่ในระบบก็ทำไม่ได้ ไม่กล้าพอที่จะลองเปลี่ยนวิธีการแต่งตั้งให้คนที่เหมาะสมกับงานได้ทำงาน

พล.ต.อ.อำนวย เป็นตำรวจ “คนจริง” ที่ไม่โอนอ่อนในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก.

สหบาท