ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องให้ทุกรัฐบาลปรับปรุงการจัดเก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สิน รวมไปถึงควรจัดเก็บภาษีมรดกมาโดยตลอด
เพราะเชื่อว่าภาษีที่ว่านี้จะช่วยลดช่องว่างอันมหาศาลระหว่างคนรวยกับคนจนในบ้านเราได้เป็นอย่างมาก
หรือแม้ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ช่วยลดได้สักเท่าไร แต่ก็จะมีผลทางจิตวิทยา แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยและรัฐบาลไทยมีความประสงค์และมีความต้องการที่จะใช้ภาษีทั้ง 2 ประการนี้ ในการลดช่องว่างเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคมไทย
ใครจะมายุยงปลุกปั่นให้สังคมไทยแตกแยก ทำให้คนจนรังเกียจคนรวยก็จะทำได้ยากขึ้น
ผมจึงดีใจที่มีข่าวว่ารัฐบาลนี้จะดำเนินการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพราะผมก็เชื่อเหมือนที่ทุกๆคนเชื่อว่า ไม่มีรัฐบาลไหนที่มาจากการเลือกตั้งจะกล้าทำ เพราะจะต้องเสียฐานเสียง เสียคะแนนนิยมอย่างแน่นอน จากประชาชนที่จะโดนเก็บภาษีที่ว่านี้
แต่ผมก็ไม่ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ทำอะไรดุ่ยๆ โดยไม่ฟังเสียงประชาชน และไม่อธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นต่างๆ
เพราะแม้ว่าประเทศไทยของเราจะอยู่ในระบอบที่ต้องขออนุญาตใช้คำว่า “เผด็จการ” แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันแล้วว่า เราจะเผด็จการเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพื่อตั้งหลักที่จะกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เหมาะสมอีกครั้ง ตามโรดแม็ปที่ท่านหัวหน้า คสช.กำหนดไว้
ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องสำคัญทุกๆเรื่อง จึงยังจำเป็นต้องใช้กลไกของระบอบประชาธิปไตย...นั่นก็คือ ต้องอธิบายบอกกล่าว ทำความเข้าใจต่อประชาชนอยู่เสมอ
จนเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ (ขอเน้นคำว่า ส่วนใหญ่) เข้าใจและยอมรับแล้ว จึงลงมือดำเนินการ
อาจจะมีส่วนน้อยออกมาค้านด้วยเหตุผลส่วนตัวบ้างก็ช่างเถอะ ถ้าเสียงส่วนใหญ่เอาด้วย...ก็ทุบเปรี้ยงได้เลย...ไม่ต้องไปหวั่นไหวกับเสียงค้านส่วนน้อยเหล่านั้น
...
แต่กรณีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง... ผมไม่เห็นมีการอธิบายหรือพูดจาอะไรมากนัก จู่ๆก็เป็นข่าวออกมาแบบโครมคราม
ผู้คนเขาก็ตกอกตกใจ เพราะเขาไม่เคยเสียภาษี จะต้องมาเสียแถมในตอนแรกบอกจะเสียเยอะด้วย แค่บ้านแค่คอนโดฯเล็กๆราคา
ไม่กี่ล้านก็จะเสียแพงลิ่ว
อย่าไปโทษประชาชนเลยครับ...ไม่ว่าชาติไหนในโลก พอรู้ว่าจะต้องเสียภาษีก็โวยหรือร้องลั่นทั้งนั้น...แม้แต่สหรัฐฯ แม้แต่ยุโรป ที่ผู้คนมีการศึกษาดี มีการพัฒนาสูงกว่าเราเยอะ พอถึงคราวจะเก็บภาษี ผมก็เห็นเขาร้องลั่นกันทั้งประเทศ ร้องดังกว่าบ้านเราอีก
ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจไปจนกว่าประชาชนจะเข้าใจ และส่งเสียงคัดค้านน้อยลง
ดังนั้น ในกรณีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่บิ๊กตู่สั่งถอน ผมจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสมควร และตัดสินใจได้ถูกแล้ว
เมื่อมีเสียงคัดค้านมาก ก็ถอนกลับไปตั้งหลักใหม่ ไปดูไปทบทวนกันอีกที หากเห็นว่าดีจริงมีประโยชน์จริง ก็ยังเสนอกลับมาใหม่ได้ เพราะยังไงๆรัฐบาลนี้ก็จะยังอยู่อีกนาน ไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบร้อน
ที่กระทรวงการคลังบอกว่า จะให้นักวิชาการมาช่วยดูแลให้รอบคอบทั้งในหลักการและรายละเอียดนั้นก็ถูกต้องอีกเช่นกัน
เมื่อได้มติสะเด็ดน้ำอย่างไรก็นำกลับมาอธิบายให้ ครม.ฟังอีกหนให้เป็นที่เข้าใจและยอมรับกันทั้ง ครม. โดยเฉพาะบิ๊กตู่นั้นจะต้องให้ท่านเข้าใจและยอมรับมากกว่ารัฐมนตรีท่านอื่นๆ
เพราะเมื่อถึงขั้นอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ผมอยากให้บิ๊กตู่อธิบายเองเลยว่าจำเป็นอย่างไร? มีประโยชน์อย่างไร? ตามสไตล์ที่ท่านถนัด
เนื่องจากทั้งคุณสมหมายก็ดี หม่อมอุ๋ยก็ดี ถือว่าเสียศูนย์ไปแล้ว ให้มาอธิบายอีกคนจะไม่ค่อยยอมรับ
ที่ผมเขียนไปวันก่อนว่าในทางการเมืองยากที่เรื่องนี้จะกลับมาได้อีกก็เป็นการเขียนจากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรานี่แหละ
หากงวดนี้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะกลับมาได้และกลับมาด้วยความเข้าใจของประชาชนส่วนใหญ่ผมก็จะยินดีมากครับ และกราบเรียนตรงๆว่า ไม่อยากให้คำทำนายของผมถูกต้องเลยแม้แต่นิดเดียว.
“ซูม”