เมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้สูญเสียบุคลากรสำคัญระดับตำนานของชาติไปอีก 1 ท่าน ได้แก่ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก หรือ “บิ๊กซัน” อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตผู้บัญชาการทหารบก

ผมเองไม่เคยรู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัว และไม่เคยสัมภาษณ์หรือพูดคุยกับท่าน แม้แต่ครั้งเดียวในช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่

แต่ในฐานะที่ท่านเป็น “บุคคลสาธารณะ” ที่มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างยิ่ง...จึงหลีกไม่พ้นที่ข่าวคราวความเคลื่อนไหวตลอดจนความคิดของท่านจะมาปรากฏอยู่ในคอลัมน์ของผม หลายต่อหลายครั้ง

ผมจึงอดมิได้ที่จะรู้สึกใจหายและอาลัยในการจากไปของท่าน

เรื่องราวที่ผมเคยเขียนถึงท่านที่อยู่ในความทรงจำของผมอย่างไม่มีวันลืมก็คือเหตุการณ์หลังการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2527 ในยุคป๋าเปรมที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง

ทั้งนักการเมือง สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพราะต้องซื้อของจากต่างประเทศในราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันต่างก็ออกมาประท้วงและวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.เปรม และปู่ สมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใน พ.ศ.ดังกล่าว อย่างหนักหน่วง

รวมทั้ง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ในฐานะ ผบ.ทบ. ที่ออกมาวิจารณ์ผ่านโทรทัศน์ช่อง 5 ในคืน ลอยกระทง

การวิจารณ์ของท่านทั้งๆที่เป็นการตำหนิและไม่เห็นด้วยกับการลดค่าเงินบาท แต่กลับกลายเป็นช่วยรัฐบาลป๋าเปรมในทางอ้อมเพราะความดุเดือดของท่านนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้ประชาชนและสื่อมวลชนมีความรู้สึกว่า “ท่าน ผบ.ทบ.” ออกมาวิจารณ์แรงเกินเหตุ

เปลี่ยนความรู้สึกจากโกรธป๋าเปรมมาเป็นเห็นใจ และหันมาไม่พอใจ พล.อ.อาทิตย์ ที่วิจารณ์แรงเกินไปในชั่วพริบตา

...

ทำให้รัฐบาลป๋าเปรมฝ่าวิกฤติเงินบาทในครั้งนั้นมาได้

ผมก็เอามาเขียนเป็นเชิงขอบคุณ พล.อ.อาทิตย์ ผ่านคอลัมน์นี้

ขอบคุณที่ท่านออกมาเกรี้ยวกราด เพราะถ้าท่านไม่เกรี้ยวกราดหรืออาละวาดใส่รัฐบาล ความรู้สึกของประชาชนที่กำลังขุ่นมัวและไม่พอใจรัฐบาลก็คงจะมีต่อไป และอาจจะแรงขึ้นเรื่อยๆ เผลอๆอาจจะถึงขั้นทำให้ป๋าอยู่ไม่ได้ และนโยบายนี้ก็อาจจะต้องสะดุดหรือมีการเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

เพราะความเกรี้ยวกราดของท่านแท้ๆ ที่ทำให้นโยบายที่ถูกต้องตามหลักเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ถูกต้องในทรรศนะของประชาชน จนถึงขั้นรัฐบาลกำลังจะถูกควํ่าอยู่แล้ว กลับได้อยู่ต่อไป

จนในที่สุดเศรษฐกิจไทยก็ค่อยๆพลิกฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

คงเป็นเพราะสไตล์การเขียนของผมในยุคนั้น ยังเป็นไปในแบบตลกคะนอง...เขียนชม แต่อ่านแล้วเหมือนเสียดสี...เมื่อคอลัมน์ได้รับการตีพิมพ์ก็มีจดหมายจากลูกน้องท่านเข้ามาต่อว่าผมหลายฉบับ

ทำนองว่าการเขียนของผมเท่ากับเป็นการกล่าวหา พล.อ.อาทิตย์ว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเป็นการดูถูกดูหมิ่นท่านชัดๆ

ส่งผลให้ผมต้องออกมาเขียนชี้แจงอีกครั้งว่าไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นดูถูกท่านแม้แต่น้อย แต่ตั้งใจจะสะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาของสังคมไทย ที่สามารถพลิกผันไปมาได้ จากคำพูดของท่านในคืนลอยกระทงเท่านั้น

หลังจากชี้แจงแล้วเรื่องก็เงียบลงในภายหลัง ท่านก็หายโกรธป๋าเปรมในเรื่องนี้ และยังมาช่วยปราบกบฏ 9 กันยายน 2528 อย่างเข้มแข็งด้วยซ้ำ

ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2529 การเมืองไทยกลับมาร้อนฉ่าอีกหน เป็นเหตุให้ป๋าต้องสั่งปลด พล.อ.อาทิตย์กลางอากาศ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.สส. เพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น

แม้เหตุการณ์ในอดีตจะดูเหมือนว่าป๋ากับท่านขัดแย้งกัน แต่ในบั้นปลายของชีวิต เมื่อบุตรชายของท่าน พล.ท.ฐิติวัฒน์ กำลังเอก ที่เข้าพบ พล.อ.เปรม กลับให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “คุณพ่อ พล.อ.อาทิตย์สั่งไว้ว่า มีอะไรให้มาบอกป๋าเปรม เพราะป๋าเป็นผู้ใหญ่ที่คุณพ่อเคารพมาก”

ผมอ่านข่าวนี้แล้วก็รู้สึกดีใจที่ผู้ใหญ่ของประเทศ แม้จะดูเหมือนว่ามีข่าวขัดแย้งกันในอดีต แต่จริงๆแล้ว ยังคงเคารพนับถือกันอยู่จนชั่วชีวิต

ในโอกาสที่ท่านอำลาจากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยโรคชราดังกล่าว...ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้ง ในสิ่งที่ท่านได้ดำเนินการและอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย ทั้งโดยเจตนาและมิได้เจตนา

ผมยังยืนยันที่จะขอบคุณท่านอีกครั้งว่า ถ้าท่านไม่ออกมาเกรี้ยวกราดใน “คืนลอยกระทง” ผมไม่แน่ใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย หลังการลอยค่าเงินบาทเมื่อ 30 ปีที่แล้ว!

“ซูม”