เกี๊ยะ - หนุ่ย
ข้าวตังเมี่ยงลาวของกินเล่นของคนไทย
เล่าขานกันเป็นตำนาน หาบเร่ ยายอุดม การสมใจ ตั้งขายหน้ามนต์นมสด แถวศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร รสชาติดีหนักหนา ใครผ่านไปเห็นเข้าก็ต้องแวะไปอุดหนุน
วันนี้ภาพนั้นไม่มีมาหลายปีแล้ว แต่ข้าวตังเมี่ยงลาวตำรับของยาย ยังมีทายาทอีกหลายคนสืบสาน
พี่หนุ่ย...ไพบูลย์ การสมใจ อายุ 58 ปี ลูกคนที่ 7 ของยายอุดม วันนี้ใช้ทำเลริมถนนประชาธิปไตย หน้าร้านพูลสิน ใกล้วัดตรีทศเทพคุยให้ฟังว่า
แม่ตายไปเมื่อปี 2554 ตอนอายุ 86 ปี ช่วงน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ แม่มีลูกทั้งหมด 18 คน แม่ขายมาแล้วหลายอย่าง ขายข้าวแกงใส่บาตร ตลาดยอด บางลำพู ขายขนมถั่วแปบ ขนมต้มแดง ข้าวโพดคลุก ปี 2510 ไฟไหม้บางลำพู บ้านแม่ถูกไฟไหม้จนไม่มีอะไรเหลือ อับจนสิ้นหนทางถึงขั้นต้องไปอาศัยศาลาวัดชนะสงคราม
สมเด็จเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ท่านเมตตาข้าวก้นบาตรกินอยู่ถึง 5 ปี
ที่มาของข้าวตังเมี่ยงลาวแม่เล่าว่า เพื่อนแม่ทำงานในกรมศิลปากร สมัยนั้นนักเรียนกรมศิลป์เยอะ ข้าวก้นหม้อที่เหลือก็ทิ้งให้หมู เพื่อนแม่เห็นเขาทิ้งก็เสียดาย เก็บข้าวที่เป็นแผ่นเอามาทอดกินเป็นข้าวตัง
...
เด็กนักเรียนถามยายทำอะไรกินกัน คนนั้นหยิบคำคนนี้หยิบคำ เกิดความคิดทำขาย ชื่อยังไม่มี ช่วงนั้นเพลงลาวดวงเดือนกำลังดัง เพื่อนแม่บอกให้ตั้งชื่อ เป็นเมี่ยงลาว...ไปเลย
ข้าวตังเมี่ยงลาวขายดี กลายเป็นอาชีพ แม่มาสอนให้ลูกๆทำ ลูกผู้ชายทำเป็น ส่วนลูกผู้หญิงไม่สนใจ ลูกผู้ชายไม่ใช่แค่ทำเป็น ยังขายเป็นสมัยแรกๆที่เริ่มขาย พี่หนุ่ยหาบแม่ขาย เดินจากตรอกบ้านหล่อไปถึงไปสะพานควาย ห้วยขวาง
ขณะหาบของหนัก 40 กิโล มีเคล็ดห้ามทักว่าหนัก ถ้าบอกว่าหนักจะหาบไม่ขึ้น และห้ามพูดคำว่าเยอะ ถ้าพูดจะขายไม่ได้
“ใครพูดกับแม่แบบนี้ แม่ไล่คว่ำหาบเลย” พี่หนุ่ยว่า
ไม้คานที่หาบก็สำคัญ ต้องมีให้ครบ 7 ข้อ คาน คาด แคล้ว มั่ง มี ศรี สุข ไม้คานของพี่หนุ่ยมีครบ 7 ข้อ อายุราว 60 ปี ไม้คานของแม่ อายุ 90 ปี แม่ใช้ไม้คานมาตลอดชีวิต เหมือนเป็นลางสังหรณ์ก่อนแม่เสีย ไม่กี่วันไม้คานก็หัก
ลูกแม่ช่วยกันหาบขาย เปลี่ยนทำเลเรื่อยไป จนกระทั่งแม่มาได้ที่ตรงหัวมุมศาลาว่าการกรุงเทพฯระหว่างนั่งขาย แม่ก็วิ่งหนีตำรวจบ่อยๆ โดนจับบ่อยๆ ถูกจับจนตำรวจไม่อยากจะจับ
“เฮียมนต์เจ้าของมนต์นมสดเขาสงสาร เขาเคยเข็นรถขาย เขาก็หนีเหมือนกัน เมื่อเขาตั้งหลักเปิดร้านแม่ก็ไปขอขายหน้าร้าน พอแม่เสียก็ไม่ได้ขายหน้าร้าน แต่ขยับมาขายด้านข้าง”
ตอนนี้ข้าวตังเมี่ยงลาวลูกๆของยายอุดมแยกย้ายกันขาย 4 แห่ง พี่ชายคนที่ 6 ขายที่ตลาดเทเวศร์ พี่หนุ่ยขายที่หน้าร้านพูลสิน น้องชายคนที่ 11 ขายหน้าโบสถ์วัดมกุฏกษัตริยาราม ทุกคนหาบหมด ยกเว้นน้องสาวคนที่ 12 ขายข้างๆร้านมนต์นมสด ต้องนั่งรถสามล้อไป หาบไม่ไหวเพราะอ้วน
คนไม่เคยชิมอาจมีคำถาม อร่อยจริงหรือ อร่อยแค่ไหน พี่หนุ่ย รับประกัน “นายกฯเกือบทุกคนเคยชิม ลุงสมัคร (สมัคร สุนทรเวช) นี่เห็นไม่ได้เลย เห็นต้องซื้อ”
ข้าวตังเมี่ยงลาวเจ้านี้แน่นอน แม่ช้อยนางรำ (สันติ เศวตวิมล) ชิมแล้วก็ให้ใบชวนชิมตลอดชีวิตแม่ยากจน แต่แม่ก็ทะนง นอกจากไม่เคยง้อไม่เคย
ขอใคร แม่สอนลูกๆเสมอว่า “เมื่อหาบขึ้นบ่า พวกเอ็งไม่อด ถ้าเอ็งไม่หาบ พวกเอ็งก็อด”
พ่อก็เป็นตำรวจวัง พ่อสอนว่า อย่าไปขโมยใคร อย่าติดยา ตีรันฟันแทงเป็นเรื่องของมึง เพราะเป็นลูกชาย คนบ้านนี้ไม่มีก็คือไม่มี ไม่เคยขโมยของใคร
พ่อแม่ที่มีลูกมากถึง 18 คน พี่หนุ่ยเล่า...เวลากิน แม่ให้ลูกๆนั่งเรียงกัน ข้าวหนึ่งกะละมัง ทอดมันตอนนั้นร้อยลูก 3 บาท แม่ซื้อมา 20 ลูก หั่น
4 ชิ้น คลุกข้าว แล้วก็ตักเรียงให้กิน “ชีวิตตอนนั้นเหมือนหมาเหมือนแมว”
บ้านเรายากจน มีอยู่มีกินไม่เหมือนบ้านคนอื่น พ่อแม่ห้ามไปมองใครกิน ไม่งั้นจะโดนฟาดด้วยหางกระเบนหรือไม่ก็ไม้ขัดฝาเข่งลำไย แม่จะหวดไม่เลี้ยง ไม่มีกินก็ปิดประตูบ้าน
ฉากสุดท้ายของยายอุดม พี่เกี๊ยะลูกคนที่ 11 เป็นคนเล่า ก่อนแม่จะตาย แม่ล้มแล้วทำอะไรไม่ได้เลยท้อแท้ ขนาดนั่งรถเข็นก็ยังอยากจะไปขายของ แต่ไปไม่ได้เลยยิ่งเศร้าซึม
รักษาตัวอยู่ 6 เดือน...อาการไม่ดีขึ้น แม่บอกลา...แม่จะหลับแล้วนะ พูดประโยคนี้เป็นอาทิตย์
ครั้งสุดท้ายวันนั้นเป็นวันเสาร์ เที่ยงสิบห้านาที ผมกำลังดูมวย มือก็นวดแม่ไปเรื่อยๆ
แม่บอกพอแล้วลูก เอ็งจะดูมวยก็ดูไป แม่จะหลับแล้ว ผมได้ยินก็คิดว่าแม่พูดอีกแล้ว ดูมวยไปได้ 3 ยก พี่สะใภ้มาเรียก แม่เงียบ...ไม่ตอบ ตอนนั้นจึงรู้กันว่าแม่หลับไปจริงๆ เพียงแต่หลับครั้งนี้แม่ไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
มรดกที่แม่มีให้ลูกๆ มีเพียงคำพูดแม่ย้ำก่อนตาย อย่าทิ้งเมี่ยงลาวของแม่
แต่มรดกของแม่ก็แค่ช่วยให้ลูกๆพออยู่ได้ ไม่เคยร่ำรวย บางครั้งอย่างครั้งนี้เศรษฐกิจไม่ดี ขายของไม่ค่อยได้ ตัวพี่หนุ่ยเองต้องกู้หนี้นอกระบบ
สี่หมื่น ส่งดอกเบี้ยวันละ 2 พัน “4 โมงเย็นเจ้าหนี้ก็มา เขามาดี ยิ้มแย้ม”
พี่หนุ่ยเริ่มชีวิตก็หาบเร่ขายของกับแม่ เรียนชั้น ป.2 ก็ยังไม่จบ ไม่มีเครดิต จะไปกู้ธนาคารก็ไม่ได้ ไม่มีคนค้ำ
ตอนแม่ยังอยู่เคยไปออกรายการตลาดสดสนามเป้า ข้าวตัง เมี่ยงลาวขายดีมาก หนี้สินตอนนั้นเริ่มจะหมด หนี้เรามีเพราะเราไม่มีทุน ต้องไปกู้เงินเขามาลงทุน
ทุกวันตั้งแต่ตี 5 พี่หนุ่ยตื่นไปตลาดซื้อเครื่องมาทำ ใบผักกาดดอง เอาใบอย่างเดียวมาห่อเมี่ยง ต้องสั่งตลาดเทเวศร์ เขาจะคัดให้อย่างดี เอามาล้างน้ำเสร็จ ลวกน้ำร้อน ทุกอย่างทำหน้าบ้าน น้องสะใภ้เป็นคนห่อเมี่ยง 7 โมงครึ่งติดเตา เริ่มจากทอดข้าวตังคือข้าวที่หุงไว้เหลือก้นกระทะ ทอดด้วยเตาถ่านจะหอม
ข้าวตังสมัยก่อนซื้อจากโรงเลื่อยแถวบางลำพู พอโรงเลื่อยหมดไปจากบางลำพู ก็ไปหาโรงเรียนนายร้อย จปร.ที่ถนนราชดำเนิน โรงทหารหุงข้าวกระทะใบบัว พอโรงเรียนนายร้อย จปร.ย้ายไปอยู่นครนายก ก็ไปหาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
เมื่อก่อนซื้อกิโลละ 3 บาท เดี๋ยวนี้กิโลละ 170 มาส่งให้ถึงที่บ้าน
ข้าวตังมี 3 หน้า มีเมี่ยงลาว หน้ามะพร้าว และข้าวตังหน้าตั้ง ขายชุดละ 30 บาท เมี่ยงลาว 1 ชุดมี 5 เม็ด วิธีกินก็กินเมี่ยงลาวก่อนเคี้ยวให้ได้ที่ ตามด้วยพริกขี้หนูสด แล้วก็ข้าวตังหน้ามะพร้าว ใช้มะพร้าวทึนทึกนึ่งเสร็จใส่เกลือนิดหน่อย มีน้ำตาล งาขาว อีกหน้าก็ข้าวตังหน้าตั้ง รสชาติหวานๆ
เด็กวัยรุ่นกินเมี่ยงลาวไม่ค่อยเป็น พี่หนุ่ยนั่งขาย มีเด็กมาถามขายอะไร บอกเมี่ยงลาว หยิบให้กินลูกหนึ่ง หนูกินเลยลุงไม่คิดเงิน เขาก็ยกมือไหว้ทีหนึ่ง แล้วเดินไป นับ 1-10 เด็กก็เดินกลับมาซื้อ
เด็กคนนั้นซื้อตั้งแต่เรียนสตรีวิทย์ ทุกวันนี้ยังมา พาลูกพาสามีมาเล่าให้ลูกฟังว่า แม่ซื้อตั้งแต่ลุงยังหนุ่มๆ บางคนสั่งไปเมืองนอก พี่หนุ่ยก็ทำเป็นแพ็ก เขาเอากล่องมาเอง เอาไปกิน ยิ่ง 3 วันยิ่งอร่อย ไม่ต้องแช่ตู้เย็น ไม่เสีย เพราะของทำเป็นมังสวิรัติ ไส้เหมือนสาคู มีถั่ว มีขิง มีหอม
พี่หนุ่ยคุยจนหมดเวลา หันไปไหว้รูปแม่อุดมแล้วก็ยกหาบขึ้นบ่า...เดินออกจากบ้าน
ประโยคทิ้งท้าย...“ถ้าพวกผมตาย เมี่ยงลาวก็จบแล้ว ลูกหลานไม่มีใครเอาเลย ผมอยากให้มีคนอนุรักษ์ข้าวตังเมี่ยงลาว ผมตั้งใจสอนให้ทุกคนที่มีใจรักจริง”.