มีภาพวงจรปิด ดอดดูลาดเลา ที่มาซากทารก ของรพ.ศิริราช
2 หนุ่มมะกันเจ้าของพัสดุสยอง เผ่นออกนอกประเทศไทยแล้ว หลังการสอบสวนขมวดปม รพ.ศิริราช ออกแถลงยันชิ้นส่วนมนุษย์ของกลางทั้ง 5 ชิ้น หายไปจากพิพิธภัณฑ์โรงพยาบาล ซ้ำกล้องวงจรปิดจับชัด 2 ฝรั่งมะกันตัวแสบเข้ามาเตร่ชม เชื่อเป็นขบวนการ และน่าจะมีคนในร่วมด้วย ด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. อ้อมแอ้มบอก ออกหมายจับทั้งคู่เรื่องสำแดงเท็จ พร้อมประสานเอฟบีไอตรวจสอบสถานที่ปลายทางพัสดุเกี่ยวพันกับการโชว์ชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ที่ลาสเวกัสด้วยหรือไม่
จากเหตุพัสดุสยอง เจ้าหน้าที่ “ดีเอชแอล” พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ 5 ชิ้น ประกอบไปด้วย ศีรษะเด็กทารก เท้าซ้ายเด็กที่มีรอยถูกสไลด์ แผ่นหนังมนุษย์มีรอยสักเสือเผ่น 1 แผ่น สักยันต์ 1 แผ่น และอวัยวะภายในคล้ายหัวใจอีก 1 แผ่น อยู่ในกล่องพัสดุ เตรียมส่งไปลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พบหลักฐานนายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แมคเพอร์สัน นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของพัสดุ เจ้าหน้าที่ได้เรียกมาสอบปากคำพร้อมเพื่อนชาติเดียวกัน อ้างซื้อจากตลาดนัดกลางกรุงเทพฯจะส่งไปแกล้งเพื่อนให้ตกใจ ขณะที่แพทย์ระบุ ทั้งหมดเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกดองด้วยน้ำยาฟอร์มาลินบรรจุในกล่องใสคล้ายชิ้นส่วนอวัยวะที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด 2 หนุ่มมะกันต้องสงสัยเดินทางออกนอกประเทศแล้ว โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 พ.ย. มีรายงานว่า นายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แมคเพอร์สัน อายุ 31 ปี นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบกรณีให้การซื้อชิ้นส่วนมนุษย์ และชิ้นส่วนทารกได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว ทางด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ติดกับประเทศกัมพูชา โดย พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด ผกก.ตม.จ.สระแก้ว กล่าวยืนยันว่า นายไรอันพร้อมเพื่อนชาวอเมริกันอีก 1 คน ได้เดินทางผ่านด่านพรมแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ออกไปประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เช้าวันที่ 16 พ.ย. แต่เนื่องจากนายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แมคเพอร์สัน ยังไม่มีหมายจับหรือแจ้งข้อหาใดๆอีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานไหนแจ้งระงับการอนุญาตเดินทางออกนอกประเทศของนายไรอัน จนท.ตม.ประจำจุดตรวจขาออก จำเป็นต้องประทับตราอนุญาตออกนอกประเทศให้ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบรายละเอียดพบว่า นายไรอันถือพาสปอร์ตประเทศสหรัฐอเมริกา เลขที่ 492781876 เดินทางผ่านด่าน ตม.อรัญประเทศ ออกไปประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 08.24 น.วันที่ 16 พ.ย. 57 พร้อมเพื่อนชื่อนายแดเนียล เจมอน เทนเนอร์ อายุ 33 ปี ถือพาสปอร์ตประเทศสหรัฐอเมริกา เลขที่ 450181497
...
ขณะที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคลี่ปมสงสัย เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ที่หน้า สน.บางโพงพาง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ผศ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และ ผอ.ชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าวกรณีดังกล่าว โดย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ชาวอเมริกัน 2 รายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ นายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แมคเพอร์สัน อายุ 31 ปี และนายแดเนียล เจมอน เทนเนอร์ อายุ 33 ปี เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ก่อนจัดส่งพัสดุดังกล่าวผ่านบริษัทดีเอสแอล สาขารถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ ระบุของในพัสดุว่าเป็นของเล่น ส่งไปปลายทางที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา สอบสวนทั้ง 2 คนรับว่า ซื้อมาจากตลาด มืดย่านสะพานพุทธ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวไปในตี 2 ของวันที่ 16 พ.ย. เนื่องจากยังไม่พบว่ากระทำความผิด ต่อมาพบว่าชิ้นส่วนดังกล่าวถูกโจรกรรมไปจากสถาบันทางการแพทย์แห่งหนึ่ง ย่านฝั่งธนบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับเอฟ บี ไอ (F.B.I) เพื่อหาแหล่งที่อยู่ซึ่งระบุบนหน้ากล่องพัสดุทั้ง 3 กล่องที่ลาสเวกัส พร้อมกับให้ฝ่ายสืบสวน บช.น.ลงพื้นที่ตรวจสอบหามูลเหตุจูงใจว่า นำชิ้นส่วนมนุษย์เหล่านั้นไปทำอะไร
ด้าน ผศ.อุดมศักดิ์กล่าวว่า กล่องอะครีลิกทั้ง 5 กล่อง แบ่งเป็นฐานกะโหลก เท้าข้างซ้ายที่ถูกสไลด์เป็น 3 ชิ้น ผิวหนัง 2 ชิ้น แบ่งเป็นผิวหนังที่มีการลงอักขระภาษาเขมร และผิวหนังที่ถูกสักเป็นรูปเสือกระโจนหรือรูปเสือเผ่นและหัวใจ จากการตรวจสอบพบว่า ฐานกะโหลกและเท้า เป็นของเด็กทารก ขณะที่ผิวหนัง และหัวใจเป็นของผู้ใหญ่ ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นของคนคนเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ ทั้งนี้ ยังพบว่า ชิ้นส่วนที่เป็นหัวใจมีรอยถูกแทงด้วยของมีคม ขณะที่ผิวหนังที่มีรอยสักเสือเผ่นนั้นก็พบรอยถูกแทงด้วยของมีคมเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือการหั่นเท้าของเด็กทารกในลักษณะสไลด์ออกเป็น 3 ชิ้น และการเฉือนฐานกะโหลกนั้น ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงลักษณะของการนำบรรจุกล่องอะครีลิกทั้ง 5 กล่อง ต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญอย่างมาก โดยการกระทำในลักษณะนี้มักจะใช้ในการศึกษา เรียนรู้ หรือนำเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น นอกจากนี้สำหรับกล่องบรรจุหัวใจผู้ใหญ่นั้น พบว่ามีการติดฉลากเขียนว่า/41 เชื่อได้ว่าน่าจะหมายถึงปี พ.ศ. 2541 กล่องมีลักษณะสีขุ่น รวมถึงน้ำยาฟอร์มาลิน คาดว่าน่าจะเป็นของเก่าที่แช่มาหลายปี แต่ไม่สามารถระบุจำนวนปีที่แน่นอนได้
อย่างไรก็ตาม การสอบสวนหาที่มาของกล่องอะครีลิกบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์เริ่มชัดเจน เมื่อมีรายงานว่า ชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ที่พบนั้น หายไปจากพิพิธภัณฑ์ใน รพ.ศิริราช โดย นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.ศิริราช ได้ออกมายอมรับและจะมีการแถลงความคืบหน้าอีกครั้งที่ รพ.ศิริราช
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ร่วมแถลงข่าวว่า จากการตรวจสอบภัณฑารักษ์ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 2 พบว่า ชิ้นส่วนมนุษย์ของกลางทั้ง 5 ชิ้นที่พบเป็นของ รพ.ศิริราช ในจำนวนนี้ชิ้นส่วน 3 ชิ้นมาจากภาควิชานิติเวชศาสตร์ คือผิวหนังที่มีรอยสัก 2 ชิ้น และหัวใจที่มีรอยถูกแทง ส่วนอวัยวะอีก 2 ชิ้นมาจากภาควิชากายวิภาคศาสตร์คือ เท้าเด็ก และใบหน้าเด็กครึ่งใบหน้า ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบใบหน้าของชายชาวต่างชาติทั้ง 2 คนที่อ้างตัวว่าซื้อชิ้นส่วนมนุษย์เหล่านี้มาจากตลาดนัดกลางคืน เข้าชมพิพิธภัณฑ์เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. แต่ไม่เห็นว่า มีการขโมยหรือหยิบชิ้นส่วนมนุษย์ที่จัดแสดงออกไป
ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวต่อว่า ได้มอบให้นิติกรของ รพ.ศิริราช เข้าแจ้งความที่ สน.บางกอกน้อย เรื่องของหายจากพิพิธภัณฑ์ โดยนำหลักฐานทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ รวมถึงขอให้ตรวจสอบชายชาวต่างชาติร่วมด้วยแม้ว่าจะไม่พบการหยิบของออกไปก็ตาม แต่เกรงว่าจะเป็นการดูลาดเลาก่อนขโมยหรือไม่ ขณะเดียวกันขอให้สอบสวนเจ้าหน้าที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการร่วมมือให้เกิดการนำชิ้นส่วนมนุษย์ออกไป เนื่องจากอวัยวะที่ถูกขโมยออกไปนั้นเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ อาจจะเล็ดลอดสายตา จะต้องพัฒนาระบบการตรวจสอบป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เพราะปกติทางโรงพยาบาลจะเช็กจำนวนอวัยวะที่นำมาจัดแสดงทุก 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางพิพิธภัณฑ์ได้รับชิ้นส่วนที่หายไปกลับคืนแล้ว และยืนยันศพ หรืออวัยวะทุกชิ้นที่นำมาศึกษา หรือจัดแสดงให้ความรู้นั้นล้วนดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วทั้งสิ้น
...
ด้าน พญ.ตุ้มทิพย์ แสงรุจิ หัวหน้าหน่วยพิพิธ-ภัณฑ์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การจัดแสดงอวัยวะจะมีทั้งในตู้และวางไว้ข้างนอกหลายร้อยชิ้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ชายชาวต่างชาติพกกระเป๋าเป้และกล้องถ่ายรูปเป็นข้อห้ามของพิพิธภัณฑ์เข้าไปด้วย จากการสอบถามเจ้าหน้าทำความสะอาดซึ่งได้พูดคุยกับชาวต่างชาติ 2 คน ชาวต่างชาติอ้างตัวว่าเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฯ ทั้งในส่วนของพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ ตึกอดุลยเดชวิกรม และตึกกายวิภาคศาสตร์ซึ่งเป็นตึกที่อยู่ติดกัน
ขณะที่ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คน เข้าประเทศไทยเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฯในบ่ายวันที่ 13 พ.ย. เช่นเดียวกัน สิ่งที่ทั้ง 2 คนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งแรกนั้นไม่เป็นความจริง ต้องสอบสวนเพิ่มเติม และได้ออกหมายจับทั้ง 2 คนในข้อหาสำแดงเท็จ โดยบอกว่าของดังกล่าวเป็นของเล่น ผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการมีความผิดจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000- 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในวันแรกที่มาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง 2 รายให้ความร่วมมือดีมาก แต่ทราบในวันรุ่งขึ้นว่า ทั้ง 2 รายเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว เป็นการเคลื่อนไหวเร็วมากได้ประสานเอฟบีไอเพื่อติดตามตัวแล้ว
เมื่อถามว่า จากการสอบสวนประวัติของชายชาวต่างชาติทั้ง 2 คนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของไสยศาสตร์หรือไม่ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการสักยันต์อักขระตรวจสอบแล้วพบว่า ในหนังส่วนที่ 1 ที่มีอักขระเป็นภาษาเขมร มีความเชื่อในเรื่องเมตตามหานิยม ส่วนอีกชิ้นหนึ่งที่สักรูปเสือกระโจน เป็นความเชื่อว่าช่วยให้แคล้วคลาด คงกระพัน แต่ก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงต้องตรวจสอบต่อไป รวมถึงความเชื่อมโยงในการจัดแสดงชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ที่ลาสเวกัสหรือไม่
...
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สน.บางกอกน้อย นางบรรจง เขียวชอุ่ม เจ้าหน้าที่ดูแลตึกกายวิภาค น.ส.ทัศนีย์ แสงครุฑ รปภ.ประจำตึกอดุลยเดชวิกรม พร้อมนิติกรประจำ รพ.ศิริราช เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ณปภัช ชัยมูล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางกอกน้อย กรณีชิ้นส่วนมนุษย์ที่ดองน้ำยาไว้หายไปจาก รพ.ศิริราช ใช้เวลาสอบปากคำเกือบ 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับ โดย พ.ต.ท.ณปภัช กล่าวว่า เบื้องต้นนางบรรจง และ น.ส.ทัศนีย์ ให้การตรงกัน ว่าพบนายไรอัน เอ็ดเวิร์ด แม็คเพอร์สัน อายุ 31 ปี และนายแดเนียล เจมอน แทนเนอร์ อายุ 33 ปี ชาวสหรัฐอเมริกา นั้นได้เดินทางมายัง ที่ รพ.ศิริราชจริงเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และรวบพยานหลักฐานก่อนที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เย็นวันเดียวกัน นายนิวัติ แก้วล้วน เลขาธิการสภาทนายความ ให้ความคิดเห็นในเชิงข้อกฎหมายกรณีนี้ว่า ชิ้นส่วนของมนุษย์ตามกฎหมายแล้วถือว่าเป็นซากศพ หากมีการเคลื่อนย้าย หรือซ่อนเร้นอำพราง ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายฐานปิดบัง ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย อำพรางศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ส่วนกรณีนำซากศพไปผ่านกรรมวิธีการดองตามหลักวิชาการ แล้วมีการแปรสภาพจากซากกลายเป็นทรัพย์ โดยนำไปไว้ที่โรงพยาบาลหรือพิพิธภัณฑ์เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษา ผู้ที่ขโมยออกมาจากสถานที่ดังกล่าว และนำเอาไปขาย ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนผู้ที่ซื้อก็จะมีความผิดฐานรับของโจร ตามข่าวเท่าที่ตนทราบนั้นกลุ่มชาวต่างชาติได้ไปซื้อมาจากตลาดมืดแห่งหนึ่ง ต้องสืบสวนดูว่าซากดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าหากขโมยมาย่อมมีความผิดตามกฎหมาย