โดนใจจริงๆครับสำหรับคำสั่งปลดคุณประภัสร์ จงสงวน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพราะคงไม่มีทางที่เจ้าตัวจะยอมลาออกเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่น้องแก้มโดนพนักงาน รฟท.ข่มขืนแล้วฆ่าบนรถไฟก่อนโยนศพทิ้งอยู่ในตำแหน่ง 1 ปี 8 เดือน ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ยังพอ ทนรับได้
แต่ที่รับไม่ไหวเลยคือขาดจิตสำนึกขาดความรับผิดชอบ ซ้ำยังแก้ตัวข้างๆ คูๆ ตั้งแต่เหตุการณ์สะเทือนใจนี้เริ่มตกเป็นข่าว ให้ข้อมูลผิดทั้งสถานะของผู้กระทำความผิด และหลักฐานในที่เกิดเหตุ
บุคคลระดับผู้ว่าการ รฟท.ไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดปลีกย่อยลงถึงระดับปฏิบัติหรอก แต่ไม่ควรพูดปัดสวะชุ่ยๆอย่างนี้ ขอให้ผู้นำองค์กรทั้งหลายดูไว้อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
คดีน้องแก้มสะท้อนให้เห็นความห่วยแตกของ รฟท.หลายจุด ไล่ตั้งแต่มาตรฐานการคัดเลือกคนเข้าทำงาน มาตรฐานการควบคุมดูแลพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย
มีอย่างที่ไหนรับคนเข้าทำงานโดยไม่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ไม่ตรวจเช็กสภาพจิต แถมมีข่าวว่าใช้เส้นสายฝากกันเข้ามาทำไมปล่อยให้พนักงานเสพยาและกินเบียร์ขณะปฏิบัติหน้าที่
พนักงานรถไฟหรือตำรวจรถไฟที่ต้องเดินตรวจความเรียบร้อยไปอยู่ที่ไหน กำลังคนมีไม่พอ หรือไม่ใส่ใจ
ผู้กระทำผิดมีมากกว่า 1 คน ลงมือกันเป็นทีม และเคยก่อเหตุ มาหลายครั้งแล้ว แต่ปิดข่าวกันเงียบ
พอเกิดปัญหาขึ้นมาทีไร ผู้บริหารก็คิดแค่หาทางเอาตัวรอด ลดกระแสกดดัน เสนอวิธีแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ และบางวิธีที่เสนอมาก็ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย บอกจะติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกโบกี้ โถ...
ขนาดกล้องวงจรปิดที่ติดไว้กลางสี่แยกยังเสียเลย แล้วถ้าไปติดในโบกี้รถไฟจะเหลือหรือ ดีไม่ดีอาจถูกขโมยด้วย หรือที่บอกจะทำโบกี้พิเศษสำหรับผู้หญิงและเด็ก หากมาตรฐานพนักงาน รฟท.ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ยิ่งแยกโบกี้ จัดห้องพิเศษ คนร้ายยิ่งลงมือสะดวก
...
ถ้ายังคิดกันแค่นี้ เหตุร้ายต้องเกิดขึ้นอีกแน่ คดีน้องแก้มจะไม่ใช่คดีสุดท้าย
ดังนั้น หยุดวิธีคิดแบบนี้เสียทีเถอะ ควรหาทางทำอย่างไรไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็ต้องตามแก้ไม่มีวันจบ
อาศัยช่วงจังหวะนี้ที่เพิ่งมีการแต่งตั้ง ประธานบอร์ด รฟท.คนใหม่ และจะมี ผู้ว่าการ รฟท.คนใหม่ ขอฝากทั้งสองท่านใช้ความเด็ดขาดในการสะสางปัญหาที่ฝังรากลึกมานาน ปัดกวาดองค์กรให้สะอาดสะอ้าน สร้างภาพรถไฟใหม่อย่าให้เป็นเพียงพาหนะของคนจน หรือคนร้องยี้ทุกครั้งเวลาชวนไปขึ้นรถไฟ
สกปรก เก่า เหม็น ไม่ตรงเวลา...เป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว แก้ไขไม่ได้เพราะไม่มีงบประมาณ ไม่มีกำลังคน
หรือแท้จริงแล้วขาดจิตวิญญาณในการให้บริการ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่ซ่อนเร้นปิดบังอยู่อีก ทั้งการใช้รถไฟเป็นเส้นทางขนยาเสพติด ลำเลียงสินค้าหนีภาษี การหากินกับที่ดินของ รฟท. รวมถึงผลประโยชน์แอบแฝงอีกมากมาย
เรามาดูกันนะครับว่า ผู้บริหารใหม่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ จะทำทั้งทีต้องทำให้ครบวงจรไปเลย มี คสช.เป็นแบ็กให้อยู่แล้ว และผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ด้วย
เคลียร์ให้จบก่อนทำรถไฟรางคู่ก็แล้วกัน.
ลมกรด