ห้างดังเครื่องดนตรี โดนไล่ที่นาครเขษม
เสี่ยใหญ่ตระกูล “อัศวโสภณ” เจ้าของร้านขายเครื่องดนตรีเก่าแก่ “ย่งเส็ง” กระโดดแม่น้ำเจ้าพระยาฆ่าตัวตาย ทายาทแจ้งตำรวจ พร้อมนำนักประดาน้ำงมหากว่า 5 ชม. แต่ไม่พบ ลูกชายเผยสาเหตุคิดสั้นเพราะหลังจากเช่าที่ทำธุรกิจขายเครื่องดนตรีที่เวิ้งนาครเขษมมากว่า 100 ปี สำนักงานบริพัตรเจ้าของที่เดิมขายที่ดินให้บริษัททีซีซี กรุ๊ป ที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินแล้วขอเวนคืน ต้องย้ายไปเช่าที่ทำร้านใหม่ไม่ห่างจากที่เดิมมากนักก็ยังถูกกว้านซื้อและเวนคืนอีก จนเครียดเพราะลงทุนร้านไปหลายสิบล้านบาท
เสี่ยเจ้าของร้านขายเครื่องดนตรีเก่าแก่คิดสั้นรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 พ.ค. นายพลกร อัศวโสภณ อายุ 24 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ท.ประภัศ เขียวประภัสสร พงส.ผนพ.สน.ปากคลองสานว่า นายชัชวาล อัศวโสภณ หรือ “เฮียโต” อายุ 55 ปี บิดา เจ้าของบริษัทย่งเส็งวัฒนาเทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 128-130 เวิ้งนาครเขษม ซอย 1 (เจริญกรุง 8) แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กทม. หรือห้างดนตรีย่งเส็ง กระโดดหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ยังหาไม่พบ คาดว่าต้องการฆ่าตัวตาย บริเวณท่าเรือวัดจีจินเกาะ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงและเขตคลองสาน กทม. จึงประสานชุดประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมตรวจสอบ
เมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปขอดูภาพกล้องวงจรปิดย้อนหลังบริเวณท่าเรือวัดจีจินเกาะพบว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. นายชัชวาลมาที่ท่าน้ำดังกล่าว พร้อมเข้าสักการะศาลเจ้าบริเวณริมน้ำ ก่อนเดินไปที่ท่าเรือแล้วหย่อนตัวลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วจมหายไป นายพลกร อัศวโสภณ เผยว่า ครอบครัวของตนขายเครื่องดนตรีอยู่ในเวิ้งนาครเขษมมากว่า 100 ปี ตั้งแต่รุ่นอากงอาม่า ตนเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้บิดาของตนเครียดน่าจะมาจากเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ที่ดินที่พวกตนเช่าทำมาหากินมากว่า 100 ปีของสำนักงานบริพัตรถูกขายต่อให้กลุ่มบริษัททีซีซีกรุ๊ปของนายเจริญ สิริวัฒนาภักดี
...
“ต่อมาบริษัทฯขอเวนคืนที่ดิน พ่อผมจึงไปลงทุนเช่าที่สร้างร้านใหม่บริเวณแยกวัดตึก ไม่ห่างจากร้านเก่ามากนัก เพื่อเตรียมตัวขยับขยายจากร้านเดิมที่ถูกไล่ที่ ระบุให้ย้ายออกภายในเดือน ก.ย.57 แต่เมื่อประมาณต้นปีมีเจ้าหน้าที่ของบริษัททีซีซี กรุ๊ปมาแจ้งว่า ให้ย้ายออกภายในเดือน ก.ค.เร็วขึ้น 2 เดือนโดยไม่ได้ค่ารื้อถอน ส่วนร้านใหม่ที่ไปลงทุนหลายสิบล้านบาทได้ประมาณ 2 ปี บริษัททีซีซีกรุ๊ปก็เข้าไปซื้อที่ดินตรงนั้นเช่นกัน และกำหนดให้ย้ายออกภายในปี พ.ศ.2560 ผมคิดว่าพ่อคงกังวลเรื่องเงินที่ลงทุนไป เมื่อถึงกำหนดต้องย้ายออกยังไม่คุ้มทุนที่ลงไป” ทายาทบริษัทย่งเส็งกล่าว
นายพลกรเผยต่อไปว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.23 น. วันที่ 12 พ.ค. พ่อออกมาจากบริษัทโดยไม่มีวี่แววว่าจะไปทำร้ายตัวเอง ญาติก็ไม่มีใครทราบว่าเดินทางไปไหน กระทั่งช่วงเย็นพ่อไม่กลับบ้านทุกคนจึงช่วยกันโทรศัพท์ติดตามแต่ก็ไม่รับสาย ตนจึงไปในห้องทำงานพ่อ ตรวจสอบพบนาฬิกา กระเป๋าเงิน เอกสารส่วนตัว โทรศัพท์มือถือ และเครื่องประดับต่างๆถูกใส่ถุงเก็บไว้ในลิ้นชักล็อกกุญแจอย่างดี สอบถามพนักงานในบริษัทบอกว่า พ่อหยิบนามบัตรของบริษัทออกไปใบเดียว ตนถามพนักงานต่อว่านามบัตรทำจากกระดาษหรือพลาสติก เมื่อได้รับคำตอบว่า นามบัตรพลาสติก ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อต้องมาที่วัดจีจินเกาะติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งครอบครัวชอบมาทำบุญ
“ผมพร้อมกับญาติๆ จึงเดินทางมาสอบถามข้อมูลกับชาวบ้านละแวกดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 12 พ.ค. มีชายรูปร่างลักษณะเหมือนพ่อกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ผมยังไม่แน่ใจจึงไปขอดูกล้องวงจรปิดของทางวัดบริเวณท่าน้ำ พบว่ามีภาพพ่อหย่อนตัวลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆ ส่วนสาเหตุที่พ่อพกนามบัตรแบบพลาสติกติดตัว เชื่อว่าพ่อต้องการเป็นตัวแทนของชาวเวิ้งนาครเขษมทุกคน ที่ต้องอยู่ในสภาพหัวอกเดียวกัน” นายพลกรกล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งระดมนักประดาน้ำจำนวน 5 ชุด ดำลงไปค้นหาร่างของนายชัชวาลใต้น้ำ แต่หลังจากปูพรมค้นหาอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมงก็ไร้วี่แวว จึงหยุดการค้นหา เพราะไม่แน่ใจว่าร่างของนายชัชวาลจะถูกน้ำพัดพาไปอยู่ที่จุดใด และยังไม่รู้ชะตากรรม