20 ปีก่อน ยางพาราปลูกได้เพียง 24 ประเทศ ครอบคลุมเนื้อที่ 62 ล้านไร่ ทวีปเอเชียของเราปลูกได้ที่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน อินเดีย เวียดนาม ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ กัมพูชา พม่า ปาปัวนิวกินี และบังกลาเทศ
ส่วนในทวีปแอฟริกาปลูกได้ในแคเมอรูน โกตดิวัวร์ กาบอง กานา กินี ไลบีเรีย ไนจีเรีย สาธารณรัฐคองโก
ทวีปอเมริกาใต้ปลูกที่บราซิล กัวเตมาลา และเม็กซิโก
สวนยางพาราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสวนขนาดเล็ก 75% สวนขนาดใหญ่มีเพียง 25% แต่ท่านใดที่เทียวเที่ยวไปในสวนยางพาราในทวีปแอฟริกา จะพบว่าที่นั่นมีแต่สวนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 250 ไร่ขึ้นไปเกือบทั้งสิ้น สวนขนาดเล็กแบบบ้านเราไม่ค่อยมี
พ.ศ.2546 โลกผลิตยางธรรมชาติได้ 8 ล้านตัน 10 ปีต่อมา คือ พ.ศ.2556 โลกผลิตยางพาราได้ 12 ล้านตัน ปริมาณยางพาราที่ผลิตได้ กับความต้องการในการใช้ยางพาราเท่ากันเกือบพอดี โดยมีจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด
ทว่า ตอนนี้ จีนลงมาเป็นผู้ผลิตเองด้วย ครอบครัวของผมเดินทางไปทวีปแอฟริกา เจอสวนยางพาราขนาดใหญ่ของจีนในหลายประเทศ ก็ทำนายทายทักเลยครับ ว่าต่อไปในอนาคต ราคายางพาราจะดิ่งลงเหวมากกว่านี้อีกมากมายหลายเท่า เพราะจีนเริ่มปลูกยางเองแล้วหลายสิบล้านไร่ อีกไม่ปีก็จะกรีดได้ เรื่องอะไรจีนจะไปซื้อยางพาราจากชาวบ้าน วันนั้นมาถึงเมื่อใด ประเทศไทยของเราเตรียมปี๊บไว้รองรับน้ำตาของชาวสวนยางพาราได้เลย
ไปอินโดนีเซียและมาเลเซีย ผมพบแต่เกษตรกรที่นั่นโค่นสวนยางพาราและหันมาปลูกปาล์ม โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย เศรษฐีระดับแสนล้าน หมื่นล้าน ต่างมาจากธุรกิจการเกษตรทำสวนปาล์มกันเยอะ จนมาเลเซียและอินโดนีเซียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก มีผลผลิต 90% ของน้ำมันปาล์มทั่วโลก ผู้อ่านท่านครับ ผู้ผลิตปาล์มเจ้าใหญ่ของแท้ต้องอินโดนีเซีย เมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียส่งออก 31 ล้านตัน มาเลเซีย 19 ล้านตัน พอมาถึงประเทศที่ส่งเป็นลำดับ 3 ของโลก ซึ่งก็คือ ประเทศไทย แต่ห่างกันเยอะเหลือเกินครับ พ.ศ.2556 เราส่งออกเพียง 2.1 ล้านตัน ที่ 4 คือ โคลอมเบีย ส่งออก 1 ล้านตัน และไนจีเรีย ส่งออกเป็นที่ 5 ได้ 9.3 แสนตัน
...
บ้านเราคนรวยระดับแสนล้านปลูกอะไรกันบ้างก็ไม่ทราบ แต่คนรวยอินโดนีเซีย ปลูกปาล์มและสร้างโรงหีบน้ำมันปาร์มครับ อย่างนายโรเบิร์ต และนายไมเคิล ฮาร์โตโน อายุ 74 และ 73 ปี แกปลูกปาล์มหลายล้านไร่ ตอนนี้ แกมีทรัพย์สินถึง 4.65 แสนล้านบาท
เศรษฐีอินโดนีเซียอีกคนที่มุ่งมั่นกับปาล์มก็คือ นายเอกา วิดจาจ้า อายุ 91 ปี เจ้าของ Golden Agri Resources ทำปาล์มมานานแล้วครับ แถมแกยังเอาบริษัทปาล์มไปเข้าตลาดหุ้นในสิงคโปร์ แกทำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ตอนนี้มีทรัพย์สินอยู่ทั้งสิ้น 3.93 แสนล้านบาท ไอ้ปื๊ดทั่วไปกลัวประเทศที่มีสงครามอย่างไลบีเรีย แต่นายวิดจาจ้ามองต่างมุม แกลงทุนทำสวนปาล์มในประเทศไลบีเรียไปมากถึง 48,000 ล้านบาท
ขณะนี้พวกเอ็นจีโอกำลังต่อต้านคนทำสวนปาล์มโดยเฉพาะอย่างในอินโดนีเซีย ที่รัฐบาลอินโดนีเซียอนุญาตให้เอกชนโค่นป่า เผาป่า เพื่อเอาพื้นที่มาปลูกปาล์ม ตอนนี้มีการศึกษาว่าปาล์มทำร้ายมนุษย์ยังไงบ้าง อย่างแรกเลยก็โค่นป่า เผาป่า สัตว์ไม่มีที่อยู่อาศัย ระบบนิเวศของภูมิภาคและของโลกเสียหาย เพิ่มภาวะโลกร้อน ฯลฯ และที่สุดของที่สุดก็คือ ตอนนี้ วงการแพทย์ เริ่มหันมาศึกษาผลกระทบของน้ำมันพืชต่อสุขภาพของมนุษย์ พบว่าน้ำมันพืชทำให้เกิดโรคอ้วนอย่างรุนแรงและเป็นส่วนหนึ่งของโรคหัวใจ
แต่เศรษฐีปาล์มของอินโดนีเซียไม่สนใจเอ็นจีโอดอกครับ ยังเร่งปลูกต่อไป อย่างนายสุสิโล โวโนวิดโจโจ อายุ 57 ปี เจ้าของกลุ่มกูดังการัมที่มีสวนปาล์มใหญ่ที่สุดในโลก 1.7 ล้านเฮกตาร์ (10.625 ล้านไร่) ตอนนี้มีทรัพย์สินทั้งหมด 1.8 แสนล้านบาท
หลังจากโค่นยางพาราทิ้งแล้ว เศรษฐีอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อยหันไปปลูกปาล์มและอ้อยกันครับ อย่างนายมาร์ทัว สิโธรัส อายุ 55 ปี มีทรัพย์สิน 1.1 แสนล้านบาท แกปลูกปาล์มและอ้อย ตอนนี้เริ่มไปทำโรงงาน ผลิตน้ำตาลมากถึง 5 โรงในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินโดนีเซีย
ผมมีรายชื่อเศรษฐีระดับแสนล้าน หมื่นล้าน พันล้านบาท และร้อยล้านอีกนับร้อยคน ที่รวยจากธุรกิจการเกษตรด้านปาล์มและอ้อยในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียน เพราะอยากให้รัฐบาลไทยสนใจข้อมูลที่ถูกต้องและนำข้อมูลพวกนั้นมาปรับ เพื่อไม่ให้เกษตรกรแห่ไปปลูกพืช
ที่ไม่มีอนาคตทางเศรษฐกิจครับ.
คุณนิติ นวรัตน์