สหประชาชาติหรือยูเอ็นแถลงเตือนเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.ด้วยความเป็นห่วงเรื่องจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่จะขยายตัวในอนาคตกำลังจะเป็นสาเหตุทำให้หลายภาคส่วนของโลกต้องการใช้น้ำและพลังงานในปริมาณที่มากขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงเวลาอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า

ในรายงานที่จัดทำขึ้นก่อนหน้าจะถึงวันน้ำโลก (วันที่ 22 มี.ค.) กล่าวเตือนว่า ความต้องการน้ำสะอาดและพลังงานไฟฟ้าในโลกอนาคตจะเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันซึ่งเป็นสัญญาณที่เลวร้ายมากกว่าเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติบนโลกนั้นมีปริมาณที่จำกัด ดังนั้น หากไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้ดี ก็เป็นไปได้ว่า ประชากรของโลกบางส่วนจะประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำและพลังงานได้ในอนาคตอันใกล้

นายไมเคิล จาร์รุก เลขาธิการองค์การธรณีวิทยาโลกกล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ โดยจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า เราต้องการการทำงานที่ประสานกันระหว่างการวางแผนตามนโยบายและการกำหนดยุทธศาสตร์ทางนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

และรายงานยังระบุด้วยว่า จากประมาณการในอนาคตโลกต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น 55 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 ส่วนในทวีปเอเชียจะเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำตามบริเวณพื้นที่รอยต่อตามชายแดน หรือพื้นที่ที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น.