นางหงส์ปีกหัก
กับสภาพของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องนั่ง “วีลแชร์” เข้าไปนั่งเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี ตามเหตุที่เจ้าตัวโพสต์ชี้แจงในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัวระบุผลจากการหกล้มที่จังหวัดเชียงใหม่ เอ็นข้อเท้าด้านซ้ายฉีก แพทย์ให้ใส่เฝือกอ่อนเพื่อช่วยพยุงข้อเท้าในช่วงนี้
งานนี้เดี้ยงจริง ไม่มีการสร้างภาพ สร้างกระแสทางการเมืองแต่อย่างใด
เพราะยังไงมันก็เป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว ตามท้องเรื่องที่ม็อบ คปท.แนวร่วมสายฮาร์ดคอร์ของกลุ่ม กปปส.หาเหตุไปล้อมสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ฐานล็อกเลขท้ายรางวัลที่หนึ่ง 404
ตรงเป๊ะเลขท้ายรถยนต์ วันที่นายกฯปู “จับกบ”
และจริงๆเลยตามเหลี่ยมของโคตรเซียนการตลาด ถ้าไม่จำเป็นก็คงไม่ทำให้เกิด ภาพล้อกับสถานการณ์ทางการเมืองที่รัฐบาลกำลัง “เซถลา” นายกฯยิ่งลักษณ์ต้องเดี้ยงจนต้องนั่งรถเข็น
มันเป็นอะไรที่ตอกย้ำ “ลางไม่ดี”
ที่แน่ๆ ล่าสุด “เดอะปึ้ง” นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ แสดงตัวล่วงหน้ากันแล้วว่า ในฐานะรองนายกฯอันดับที่หนึ่งก็ต้องปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯยิ่งลักษณ์ ถ้าหากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดปมทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
งานนี้ก็เหมือนแช่งกันในที ตามรูปการณ์ที่ใกล้ “เกมโอเวอร์”
เอาเป็นว่า โดยเงื่อนของสถานการณ์เข้าใกล้เหลี่ยมเคลียร์ “ยิ่งลักษณ์” ออกจากนายกฯรักษาการ
เพื่อจุดพลิกผันเกมอำนาจที่ขึงพืด
แต่ข้อเสนอเป็น “ตัวกลาง” เจรจาคู่ขัดแย้งของ 6 องค์กรอิสระ ส่อเค้าเป็นหมัน
เพราะหันไปทาง “กำนันเทพ” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็ออกอาการเมิน ไม่ส่งชื่อคนกลางเข้าประกวด อีกด้าน “เดอะปึ้ง” นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุลรอง
นายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ก็ไล่ 6 องค์กรให้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปยุ่งกับงานของคนอื่น เพราะไม่มีความเป็นกลางอยู่แล้ว
นั่นก็ทำให้โต้โผใหญ่อย่างนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ต้องรีบปูทางลง ออกตัวเลยว่า หากคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่ส่งรายชื่อคนกลางมาภายใน 7วัน 6องค์กรอิสระ ก็จะยุติบทบาทในการดำเนินการเรื่องนี้ทันที เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
แนวโน้มฟาวล์อีกตามระเบียบ
และในขณะที่การตั้งโต๊ะเจรจาต้องล้มไปอีกครั้ง มันก็สวนทางกับบรรยากาศการเผชิญหน้า ในจังหวะการสลับฉากให้ “ตุ๊ดตู่”นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นมาเป็นประธานใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง นปช.
กระตุกภาพ “ฮาร์ดคอร์” เข้าสู่โหมดพร้อมรบ
และก็ทันทีทันควัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ก็เปิดฉากรับน้องใหม่ ประกาศก้องเลยว่า ไม่เคยให้ราคา ให้ความสำคัญกับคนพวกนี้ เพราะไม่มีเกียรติพอ
ประกบคู่ “ตู่ ทบ.” กับ “ตู่ นปช.” มวย “จุดเดือดต่ำ”ด้วยกันทั้งคู่
แต่นั่นก็แค่ทำ “สงครามน้ำลาย” เร้ากระแส ยั่วกันไปยั่วกันมา
โดยนัยที่ต้องแปรรหัสสัญญาณกันให้ดี มันอยู่ที่ปรากฏการณ์ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ชี้ไปที่ข้อความแกะสลักใต้ฐานอนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ สีวะราอดีต
ผบ.ทบ. ที่ค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดทหารบกสกลนคร ที่ว่า “ทหารเรา ยืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา”
แล้วก็แค่พูดลอยๆอยากให้ ผบ.ทบ.ได้อ่าน
งานนี้ไม่รู้ส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินชื่อของ “พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา” นั่นก็กระตุกภาพการเมืองวนกลับไปในอดีตที่ผ่านมา
ถ้าย้อนศึกษาประวัติศาสตร์วิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย ตั้งแต่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475พัฒนามาเป็นเหตุการณ์ “14 ตุลา 2516” ต่อเนื่องถึงเหตุการณ์ “6ตุลา2519” และเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ 2535”
สงครามการเมือง เกมอำนาจในประเทศไทย ไม่เคยจบได้เพราะการเจรจา
ต้องมีเหตุปะทะนองเลือด บาดเจ็บล้มตายก่อนทุกรอบ.
...
ทีมข่าวการเมือง