“เฉลิม” เคารพศาล รธน. ไม่หวั่น หากนายกฯ ถูกถอดถอน พร้อมเป็นพยานแจง ป.ป.ช.ให้นายกฯ คดีโกงข้าว ขณะ ศรส.งดประชุม 3 วัน อ้างช่วงเปลื่ยนผ่าน รอใช้ พ.ร.บ.มั่นคง
วันที่ 13 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญว่า เป็นการมองคนละมุม ศาลวินิจฉัยชัดเจนว่า หากจะมีงบประมาณไปบริหารราชการ ต้องจัดทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 เรียกว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งแต่ละปีเกือบทุกรัฐบาลจะตั้งงบแบบขาดดุล เพื่อเอาเงินไปลงทุน แต่การขาดดุลจะขาดได้ไม่มาก เพราะมีเพดานการจัดทำงบประมาณ
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงอยากพัฒนาความเจริญให้มีรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ โดยอาจจะกู้ไม่ครบ 2 ล้านล้านบาท ใช้หนี้ไม่ถึง 50 ปี หรือบางโครงการก็หาคนมาลงทุนด้วย “รัฐบาลก็รู้ว่าถ้าตั้งงบประมาณรายจ่ายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 มันไม่มีเงิน จึงตั้งเป็นร่าง พ.ร.บ.ขอกู้เงินเป็นกรณีพิเศษ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าไม่ได้ ก็ต้องเคารพคำตัดสินของศาล ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ผมเสียดายความเจริญของประเทศ วันนี้ฝ่ายค้านหรือไม่ว่าใครก็หัวเราะว่า รัฐบาลกู้เงินไม่ได้ แต่อีก 5 ปี จะต้องฟังเพลง สักวันหนึ่งเถอะจะคิดถึงฉัน และแล้ววันนั้นเธอต้องร้องไห้ เพราะเราเจริญไม่ทันเขา
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จากกรณีดังกล่าว ถามว่าจะถอดถอนอะไร รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด พิจารณาเปิดเผย ผ่านสภา 3 วาระ วุฒิสภา ก็เห็นด้วยเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว "ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับโครงการรับจำนำข้าว ตนกลับไปดูเอกสารในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่พัทยา จ.ชลบุรี นายกฯ ได้นำเสนอ ครม.และมีมติให้ตนเป็นประธานตรวจสอบโครงการทุจริตหลายโครงการ รวมถึงโครงการรับจำนำข้าวด้วย ตนจึงตั้งคณะอนุกรรมการ 11 คณะ แสดงให้เห็นว่า นายกฯ ไม่ได้ละเลย แต่มีความห่วงใย และระมัดระวัง ถ้านายกฯ จะอ้างตนเป็นพยานก็พร้อมไปเป็นพยานให้ และพร้อมเอาเอกสารไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตนดูขั้นตอนการซื้อข้าวไม่พบการทุจริต พร้อมทั้งมีการตรวจสอบโรงสี โกดัง ใบประทวนข้าว พบการทุจริตบ้าง ก็ดำเนินคดี แต่ตอนหลังเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ และองค์การคลังสินค้า
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ประเด็นนี้จะทำให้นายกฯ หลุดจากความรับผิดชอบ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ชี้แจงเลย เผื่อป.ป.ช.เห็นเอกสารจะได้เห็นว่า นายกฯ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่ระมัดระวังตั้งแต่ต้น เกรงว่าจะมีการทุจริต แต่เมื่อเป็นการทุจริตและถูกกล่าวหาระดับกระทรวงก็น่าจะจบแล้ว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า กรณี กกต.แจกใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แล้วพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องโดนลักษณะแบบนี้ จากการที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปออกรายการช่อง 11 ในช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ต้องดูว่าไปออกรายการเป็นการหาเสียง สร้างคะแนนนิยมหรือไม่ นักการเมืองไม่พูดเรื่องการเมืองจะพูดเรื่องอะไร ต้องดูข้อเท็จจริง ตนไม่กลัวประเด็นนี้ กลัว ป.ป.ช.อย่างเดียว อย่างอื่นไร้สาระ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้แจ้งว่าจะงดประชุม ศรส.ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 มี.ค. โดยอ้างว่า อยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนั้น ในช่วงที่รอการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการในระดับนโยบายจึงลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะชงเรื่องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ และหากเปลี่ยนจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็จะยังใช้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เป็นสถานที่ทำงานตามเดิม
...