ตร.พัทยา เค้นสอบ บริษัททัวร์พัทยา พบเบาะแส 2 ต่างชาติใช้พาสปอร์ตปลอม ติดต่อสั่งซื้อตั๋วเครื่องบินมรณะมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินไปปักกิ่ง...
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่เอ็มเอช 370 ที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิต ขาดการติดต่อระหว่างเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และหายไปจากจอเรดาร์ ที่น่านฟ้าประเทศเวียดนาม บริเวณทะเลจีนใต้ สาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการก่อการร้าย เพราะมีผู้โดยสารจำนวน 2 คน ใช้หนังสือเดินทางปลอมในการซื้อตั๋วเครื่องบิน ตามที่สื่อฯทั้งในและต่างประเทศได้รายงานไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี เดินทางไปตรวจสอบที่บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 333/99-102 ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช ถนนเลียบชายหาดพัทยา หลังได้รับรายงานว่าเป็นบริษัทที่ขายตั๋วเครื่องบินให้กับ 2 ชาวต่างชาติต้องสงสัยที่โดยสารไปกับเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่คาดว่าจะประสบอุบัติเหตุตกในทะเลจีนใต้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบเอกสารการสั่งซื้อตั๋วเครื่องบิน และได้รับการเปิดเผยจากพนักงานของบริษัททัวร์ดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อสั่งจองตั๋วเครื่องบินจำนวน 2 ใบ จากบริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 59/29 ถ.พระตำหนัก พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีกำหนดขึ้นเครื่องเดินทางจากมาเลเซียไปยังประเทศจีนในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ทางบริษัทจึงส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ลูกค้าทางอินเทอร์เน็ตเมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน
...
ต่อมาตำรวจเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด ย่านพัทยาใต้ พร้อมกับยึดเอกสารสำคัญบางอย่างไว้แต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวได้ โดยภายหลัง พ.ต.อ.ศุภชัย กล่าวว่า จากการเช็กข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวน 2 คน แต่ยังไม่ระบุได้ว่า เป็นคนสัญชาติอะไร ได้ใช้เอกสารหนังสือเดินทางของนายลุยจิ มารัลดิ อายุ 27 ปี ชาวอิตาลี (ออกมาแสดงตัวแล้ว) กับของนายคริสเตียน โคเซล สัญชาติออสเตรีย ที่เคยแจ้งหายไว้ที่เมืองไทยเมื่อปีก่อน เพื่อสั่งจองตั๋วเครื่องบินทางอินเทอร์เน็ตจำนวน 2 ใบจากบริษัท แกรนด์ ฮอไรชั่น ทราเวล จำกัด จากนั้นบริษัท แกรนด์ฯ จึงสั่งจองตั๋วเครื่องบินไปที่บริษัท ซิกสตาร์ ทราเวล จำกัด อีกทอดหนึ่ง ทำให้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสั่งจอง และสั่งจองจากในหรือต่างประเทศกันแน่
พ.ต.อ.ศุภชัย เผยอีกว่า ขณะทางตำรวจพอทราบข้อมูลรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวได้ ส่วนสำเนาหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่มที่ผู้ต้องสงสัยใช้สั่งจองตั๋วเครื่องบินคาดว่าน่าจะเป็นของปลอม อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจึงสั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาข่าว และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมกับรายงานเรื่องดังกล่าวให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว.