กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที หลังจากที่ หนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาโพสต์เดือด พร้อมเปิดคลิปเสียงกลางรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ผู้หญิง 2 คน กับผู้ชาย 1 คน ซึ่งผู้หญิงก็คือ บอสปัน ดิไอคอนกรุ๊ป ส่วนผู้หญิงอีกคนคือ นักร้องเรียน และผู้ชายคือ ศิลปินชาย โดยมีการอ้างว่า สามารถพาออกรายการโหนกระแส พร้อมอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย โดยแลกกับเงินมูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งศิลปินชายที่พูดถึงก็คือ ฟิล์ม รัฐภูมิ นั่นเอง

ล่าสุด ฟิล์ม ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ขอชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้น และยืนยันว่า ไม่ได้ตบทรัพย์ใครทั้งนั้น ตนเองเป็นแค่บริษัทที่ไปรับงานจาก คุณกฤษอนงค์ และในตอนนั้นทาง บอสพอล และ ดิไอคอน บอกว่าธุรกิจของเขาถูกรังแก เลยอยากจะช่วยโปรโมตและช่วยเคลียร์ตัวเองเท่านั้นเอง

และอยากจะขอโทษพี่หนุ่ม กรรชัย มากๆ น้อมรับผิดทุกอย่างที่ไปขายงานโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน แต่สุดท้ายตนเองก็ขายงานนี้ไม่ได้และไม่ได้เป็นคนพา บอสพอล ไปออกรายการโหนกระแส

- ยืนยันไม่ได้ตบทรัพย์และมันไม่ใช่คลิปเสียงของผมทั้งหมด ที่พูดในรายการอยากให้ลองรับฟังอีกแง่มุมหนึ่ง ตนเองเป็นแค่บริษัทหนึ่งที่เข้าไปรับงานจากผู้จ้างงาน และเราได้ไปรับงานตรงนั้น ซึ่งทางคุณกฤษอนงค์ติดต่อมาจ้างงาน ได้บอกว่าอยากให้ทำพีอาร์ให้กับดิไอคอนหน่อย ณ ตอนนั้นคือเดือน ต.ค. พอได้ฟังในมุมด้านเดียวก็คิดว่าไม่น่าทำได้ยากนะ ก็แค่ไปออกรายการ อย่างที่พวกเขาบอกว่า ตอนนี้ตระเวนไปออกรายการ เพื่อให้ธุรกิจได้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น ก็คิดว่าดีอยู่แล้วเพราะเป็นยุคโซเชียลกับการไปออกรายการ ก็ได้แต่แนะนำไป เราไม่ได้บอกอะไร

...

- หลังจากนั้นในช่วงเดือนตุลา เขาบอกว่าไปเคาะงบการตลาดมาแล้วประมาณ 20 ล้าน ซึ่งตนเองไม่ได้คุยผ่านดิไอคอน เพราะไม่รู้จักกัน แต่คุยผ่านทางคนกลางคือคุณกฤษอนงค์ แต่เขามีมาร์เก็ตติ้งแพลนเสร็จแล้ว เราก็แค่เป็นโปรดักชั่นไปรับงานมาแค่นั้นเอง

- แต่ในคลิปเสียงเขาบอกว่า เขาเคาะตัวเลขกับบอสพอลมาแล้ว และบริษัทใหญ่ขนาดนี้ อยากใช้งบโปรโมท 20 ล้าน ซึ่งผมก็โอเค และกลับมาทำการบ้านว่า 20 ล้านทำอะไรได้บ้าง

- ตอนกลางคืน คุณกฤษอนงค์ก็โทรมาหาผมอีก และบอกว่าบอสปันมาหา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อยู่ๆ เขาก็คุยกับผม ผมก็ตกใจ เพราะคุยแต่เรื่องเดิมๆ พยายามถามเราว่าเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เขารู้อยู่แล้วว่าเท่าไหร่ แต่ความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็บอกไปว่า 20 ล้าน ก็คุณเคาะมาแล้ว 20 ล้าน และคุณก็ตกลงกันแล้วว่าจะจ่ายเป็นเงินสด ซึ่งผมก็พูดตามที่เขาบอกมาทุกอย่าง แต่ในคลิปเสียงมันอาจจะดูว่าผมเป็นคนพูด แต่จริงๆ ผมไม่ใช่คนพูด ทั้งหมดทั้งมวลมีแค่นี้เอง เสร็จแล้วก็พรีเซนต์งานของผมไป

- วันนี้ทั้งหมดทั้งมวลที่จะออกมาบอกกับพี่ๆ สื่อ ก็คืออยากจะขอโทษพี่หนุ่ม กรรชัย จริงๆ อยากจะขอโทษตรงที่ว่า ผมดันเอาชื่อเขาไปแอบอ้างในการขายงานพีอาร์นี้ และไปบอกว่าเดี๋ยวจะไปออกรายการได้ ที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่าวันนั้นที่ผมฟัง ผมไม่ได้รู้สึกว่าธุรกิจของเขาได้มีสอดแทรกใส้ใน ผมรู้สึกว่าธุรกิจของเขาก็แค่ขายของ

- และที่เขาบอกว่าถูกรังแก ผมคิดว่าเขาถูกรังแกจริงๆ ผมก็เลยอยากจะช่วย โดยการที่ตัวคุณเองก็ต้องเคลียร์ในรายการ ผมมีเจตนาแค่นี้เอง ผมไม่ได้เป็นคนไปวางแผนสั่งใครได้ ว่าคุณจะต้องมาออกรายการไหน ไม่ใช่เลย ผมเป็นเพียงแค่ผู้ชี้แนะ แนวทางของการทำพีอาร์ ว่าควรมาออกรายการนี้ไหมเพราะรายการดังมากและเป็นที่รู้จัก แล้วคุณก็มาเคลียร์ตัวคุณเอง ผิดหรือถูกไม่ใช่ที่ตัวผม ไม่ใช่ตัวพี่หนุ่มเป็นผู้ตัดสิน ประชาชนทุกคนจะตัดสินคุณเอง เพราะว่าคุณคุยกับผมคุณบอกว่าถูกรังแก ผมก็แนะนำเขาไปแบบนั้น

- ส่วนคนกลาง เขาจะไปคุยอะไรกันมาก่อน ผมบอกตรงนี้ ผมไม่รับรู้ ผมไม่รับทราบว่าเขาไปคุยอะไรกันมาก่อน แต่ที่ผมรับรู้ ผมก็เป็นเพียงแค่บริษัทๆ หนึ่ง ที่ไปรับงานตัวนี้มาทำ

- เบ็ดเสร็จแล้วจบเรื่องผมก็ไม่ได้รับงานนี้ ผมก็ไม่ได้เงินจากการที่ผมพรีเซนต์ บริษัทผมก็เสียหาย แล้ววันนี้ตัวผมเองผมก็เสียหาย กลายเป็นว่าเครดิตที่ผมสร้างมาทั้งหมด คนงงว่าผมมาเกี่ยวข้องอะไร ซึ่งผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับดิไอคอน ผมเป็นแค่บริษัทหนึ่งที่ไปรับงานจาก คุณกฤษอนงค์ แค่นั้นเอง

...

- ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณกฤษอนงค์ เขาโทรมาหาผมทำไม ซึ่งทางบอสปัน เขาได้ไปหาคุณกฤษอนงค์ และก็โทรมาหาผม ถามว่าสิ่งที่เขาต้องทำมีอะไรบ้าง ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจ ว่าเขาจะอัดเสียง เราก็เลยพูดตามความจริงไป ซึ่งมันก็อยู่ในคลิปเสียงนั้นนั่นแหละครับ

- ในคลิปเสียงไม่มีสักคำเลยที่ข่มขู่กรรโชกหรือตบทรัพย์ใดๆ เบ็ดเสร็จผมไม่ได้งานและยังเสียชื่อเสียงอีก

- วันนี้เลยเอาความบริสุทธิ์ใจมาบอกทุกคนนั่นเอง

- ประเด็นตัดต่อคลิป คือมันไม่ใช่เสียงผมทั้งหมด แต่อยากให้ไปฟัง ว่าทุกอย่างเกิดจากผู้หญิงสองคน พูดหัวข้อต่างๆ มาให้ผม ผมก็ตอบไปทีละคำถาม แค่นั้นเอง

- แต่อยากขอโทษพี่หนุ่มมากๆ เมื่อวานพี่เขาโทรมาหาผมแล้ว เขาก็ว่าผม ผมก็ขอโทษพี่หนุ่มจริงๆ ครับ ที่ผมไปขายงานโดยไม่ได้ขออนุญาตพี่หนุ่มก่อน

- และสิ่งที่พี่หนุ่มด่าผมมาเมื่อวาน ผมก็จะเอามาปรับปรุง วันนี้เขาด่าผมในรายการอีก ก็เหมือนพี่สอนน้องคนหนึ่ง ผมก็ยินดีรับฟังทุกเรื่องเลย เพราะผมไม่ได้มีเจตนาที่จะไปช่วยโจรแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้มีเจตนาไปช่วยผู้กระทำผิด เพราะไม่ได้มีอำนาจและหน้าที่อะไร ผมเป็นแค่คนคนนึงที่ได้รับมุมมองจากคนกลางมาอีกมุมนึง

...

- เหตุการณ์ที่ผมจะยืนยันและปกป้องตัวเองได้ มันเกิดก่อนที่จะมาออกรายการพี่หนุ่ม ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยคนที่ทำผิดแล้ว พวกเราทุกคนก็เพิ่งมารู้ว่าธุรกิจของเขามันสอดแทรกอะไร หลังจากที่หน่วยงานเริ่มเข้าไปตรวจสอบ และเริ่มเปิดโปง ผมก็เพิ่งรู้พร้อมกับประชาชน

- และผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ข้างประชาชน เพราะผมก็ไปออกรายการพี่หนุ่ม และไปนั่งบอกเองว่าธุรกิจเขาดูแปลกๆ เหมือนสอดแทรก เหมือนไปชวนเชื่อให้คนมาเห็นผลประโยชน์มากกว่าเห็นประโยชน์ของสินค้า ซึ่งผมเป็นคนไปพูดเอง

- อยากให้ทุกคนเห็นใจในมุมมองของผมด้วย ผมก็แค่อยากจะไปรับงาน

- ส่วนที่บอกว่า ตัดต่อคลิปเสียงในรายการ หมายถึงว่า รายการได้ตัดให้มันกระชับขึ้น ซึ่งก็เข้าใจและมีใจความตามนั้นเลย และยินดีเพราะตรงนั้นจะปกป้องตัวผมเองได้

- ที่พี่หนุ่มแจ้งความ ไม่เป็นไร คือผมเข้าใจ ถ้าเป็นตัวผมผมโกรธ ถ้าได้ยินเสียงแบบนั้น เมื่อวานเขาโทรมาว่าผมเยอะมาก ผมก็น้อมรับ ผมก็มันส์ปากไปหน่อย ผมก็อยากได้งานและขายงานเต็มที่ เพราะเราคิดว่าเขาถูกเลยอยากให้เขาได้มาเคลียร์ตัวเอง เพราะ ณ ตอนนั้นผมฟังแค่มุมมองด้านเดียว

...

- ไม่รู้ว่าเขาต้องการแบล็คเมล์หรือเปล่า ไม่ได้สนใจ ผมก็จะเอาเรื่องของผมเข้าสู่กระบวนการทางฝั่งทนายผมเหมือนกัน เพราะผมต้องปกป้องตัวผมเอง ผมไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดอะไร ผมไม่ได้มีเจตนา ไม่ได้ไปรับรู้อะไรกับเงินของคุณ และผมก็ไม่ได้ไปรับเงินตรงนั้น ผมไม่ได้เงินกับพวกคุณ และไม่รู้ว่าพวกคุณทำอะไรอยู่ แต่คือว่าวันนี้บริษัทผมต้องมาเสีย เพราะผมคุยในวันนั้น

- ผมพลาดตรงที่ว่าจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาอัดเสียง อย่างนี้เวลาไปคุยกับลูกค้า จะต้องให้ทนายคุยแทนตัวผมหรือ คือผมไม่รู้ในตรงนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าคนกลางคุยอะไร และคนที่ดีลงานคุยอะไร

- กับคุณกฤษอนงค์ เขาเคยมาจ้างงานให้เราไปถ่ายพรีเซนต์พรรคการเมือง ก็เลยได้รู้จักกัน และเขารู้อยู่แล้วว่าผมทำงานแนวนี้ ก็เลยมาติดต่อจ้างงานผม

- ช่วงเดือนมิถุนายน บอสทั้งหลายได้ไปคุยกับคุณกฤษอนงค์ ซึ่งผมไม่ได้มีหลักฐาน แต่ผมเอามาจากในเฟซบุ๊กคุณกฤษอนงค์ เพราะผมงง ทำไมอยู่ๆ ถึงมาถึงผม ก็รีบหาหลักฐานมาให้ประชาชนดู และไปเจอภาพนี้ ซึ่งเขาดีลกันมาก่อน และผมก็ไม่รู้เขาคุยอะไรกัน เชื่อว่าช่วงที่เขาอัดเสียงก็ประมาณต้นตุลาคม แค่นั้นเองครับ

- ส่วนความสนิทและรูปถ่ายที่คุณกฤษอนงค์โพสต์ ถ้าเวลาใครเจอผมก็ถ่ายไหมอ่ะ

- เดี๋ยวจะกลับไปเตรียมหลักฐานและเอาไปชี้แจงให้กับหน่วยงาน เพราะผมเองเป็นผู้ถูกกระทำ อยู่ๆ ต้องมามีชื่อเข้าไปเอี่ยว ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย

- ยืนยันไม่มีเส้นสายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

- ส่วนที่พูดถึงเงิน 20 ล้าน ในคลิปเสียง มันเป็นข้อมูลที่ทางเขาบอกมา ว่าเขามีงบ 20 ล้าน ซึ่งเขาคุยกับบอสพอลมาแล้ว แล้วอยู่ๆ ในคืนหนึ่ง เขาก็โทรมาหาผมและบอกว่าแฟนของบอสพอล อยากคุยกับผม ซึ่งแฟนของบอสพอล ก็ถามผมมาครั้งหนึ่ง มันก็เป็นคำถามเดิมๆ ที่ได้เล่าไป แล้วอยู่ๆ เขาก็ถามผมว่าแล้วงบเท่าไหร่ ผมก็บอกว่า 20 ล้าน ซึ่งตอนนั้นก็งงและไม่เข้าใจว่ามาถามทำไม

- เมื่อถามว่าฟิล์มไปเอาความรู้ความคิดจากไหน ว่าถ้าไปออกรายการโหนกระแส จะทำให้ผิดเป็นถูกได้ ซึ่งจะขออธิบายว่า ณ วันนั้นเราไม่รู้ว่าเขาผิดหรือถูก อยากให้ทุกท่านเห็นใจผมว่า คนที่ไม่รู้เรื่อง แล้วอยู่ๆ มีคนมาเล่าให้ฟัง ว่าธุรกิจเขาเป็นยังไง เพราะเขาต้องการมาให้ผมทำพีอาร์ให้ ผมก็รับรู้ในมุมว่าเขาขายของอย่างเดียว เขาถูกรังแก อย่างนั้นก็มาตระเวนออกรายการต่างๆ และที่เอาพี่หนุ่มไปอ้างก็ ผมผิดเอง รู้สึกผิดตั้งแต่ตอนที่พี่เขาด่าผมแล้ว ก็เป็นบทเรียนที่สั่งสอนผมได้ดีเลย

- เหตุผลที่เอาชื่อพี่หนุ่มไปอ้าง เพราะผมคิดว่าที่คนหนึ่งอยากจะไปออกรายการ เพราะเป็นกระแส ยังไงรายการต่างๆ ก็ต้องอยากได้เขา ผมไม่ได้บอกว่าไปออกรายการพี่หนุ่มแล้วคุณจะรอด แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

- ส่วนทางด้านคุณผู้หญิงที่เป็นคู่สนทนากับบอสปัน เขาก็ได้แนะนำเช่นกันว่าต้องไปออกรายการโหนกระแส ตามไทม์ไลน์ที่เขาวางแผนมา

- สำหรับคดีของดิไอคอน ผมมาทราบข่าวตอนประมาณเดือนมิถุนายน เพราะได้มีเพจต่างๆ เอาไปลง แต่พอคุณกฤษอนงค์เล่าให้ฟัง เขาเล่าในมุมที่ถูกรังแก เขาทำสินค้าถูกต้องแต่คนเข้าใจเขาผิด เราก็เลยบอกว่าให้ทำพีอาร์ออกรายการทีวีเพื่อเคลียร์ตัวเอง แต่คุณจะเชื่อว่าใครถูกผิดผมไม่ได้มีอำนาจ

- ยืนยันว่าถ้าเรื่องคดีผมไม่ได้พูดในคลิปเสียงเลย เพราะผมยังไม่รู้เลยว่าเกิดคดีอะไรหรือเปล่า

- ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมต้องเป็นเงินสด 20 ล้าน เขาบอก เรามาว่าเขาสะดวกกว่าเป็นเงินสดซึ่งไม่รู้ว่าเขาคุยกับบอสพอลยังไง และเขาบอกผมมาว่า เขาจะให้ผมเป็นเงินสด ถ้าเกิดว่าผมเสนอไปเท่าไหร่ เขาก็จะจ่ายผมด้วยเงินสด ซึ่งคนจ้างงานบอกเรามาแบบนั้น

- ถ้าถามว่ารู้จักคุณกฤษอนงค์ช่วงไหน ยอมรับว่ารู้จักเขาตอนที่เขาทำเพจมานานแล้ว แต่เขามาจ้างงานผมตอนที่ทำพรรคการเมือง ไปถ่ายโปรโมตพรรคการเมืองให้เขาแค่นั้นเอง

- คลิปเสียงที่ออกมาไม่ทราบเลยว่าต้องการอะไร หรือมีเจตนาอะไร เพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย

- ที่บอกว่ามันปาก อ้างชื่อพี่หนุ่ม โหนกระแส ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ขอโทษท่านไปแล้ว อย่างที่ได้พูดไป ตอนขายงาน เราไม่รู้ว่าเขาคือผู้กระทำผิด เขาเล่าในมุมมองของเขาว่าเขาทำถูก เราก็บอกว่าโอเค ถ้าอย่างนั้นรายการนี้ให้ออกเต็มเลย แต่ผมเชียร์ให้ไปออกรายการของพี่หนุ่ม เพราะเรตติ้งดีและคนเชื่อถือ ผมก็มีแต่ความดีใจ ถ้าพาเขาไปออกรายการของพี่หนุ่มได้ ผมก็คงได้รับคำชมจากพี่หนุ่มนะ ผมมีเจตนาแค่นั้นจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้เกิดกับผม เขาดีลกับคนอื่นไปออกรายการ แค่นั้นเอง