แสนสิริล้มดีลซื้อโครงการคอนโดหรูนิมิตหลังสวน และ “เดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส” ในตึกมหานครจาก “เพซดีเวลลอปเมนท์” อ้างข้อมูลที่ได้รับยังไม่เพียงพอเคาะโต๊ะ ขณะผู้บริหารเพซแจงเหตุล้มเอ็มโอยูเพราะแผนมีหนทางออกอื่นทั้งแผนเพิ่มทุนใกล้ยุติ แถมโรงแรมใกล้เปิดให้บริการ ทั้งยังได้เงินจากการขายที่ดินบนเกาะฮอกไกโดญี่ปุ่น 594 ล้านบาทมาเสริมสภาพคล่องอีกแรง

นายวันจักร์ บุรณศิริ กรรมการและประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการยกเลิกการเสนอราคาเพื่อซื้อทรัพย์สินโครงการนิมิตหลังสวน(ทั้งโครงการ) และห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการเดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (จำนวน 53 ห้องชุด) ในโครงการอาคารชุดมหานครกับกลุ่มบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE โดยระบุว่า ตามที่บริษัทได้รายงานตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560 ว่าได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อเจรจาซื้อทรัพย์สินกับกลุ่มบริษัทเพซ ดีเวลลอปเมนท์และได้ขยายระยะเวลาการตรวจสอบทรัพย์สิน (DueDiligence) ออกไปจนถึงวันที่ 5 ก.พ.61 นั้น

เนื่องจากการตรวจสอบทรัพย์สินที่ซื้อขายได้สิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลบางรายการที่เพียงพอต่อการพิจารณาราคาซื้อขายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องสำหรับตัดสินใจอย่างเหมาะสม และแม้บริษัทจะขอขยายระยะเวลาการตรวจสอบทรัพย์สินที่ซื้อขายเพิ่มเติมออกไปเพื่อให้ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาตรวจสอบทรัพย์สินได้ ดังนั้นในวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาบริษัทจึงแจ้งยกเลิกการเสนอราคาเพื่อซื้อทรัพย์สินดังกล่าว โดยผลของการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้บริษัทแสนสิริได้รับเงินมัดจำจำนวน 322.82 ล้านบาทคืนเต็มจำนวน

...

ขณะเดียวกันบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์เช่นกันว่าบริษัทไม่อนุมัติขยายระยะเวลาการตรวจสอบทรัพย์สินที่จะซื้อขายกับบริษัทแสนสิริได้ หลังจากบริษัทได้ขยายระยะเวลาในการทำ Due Diligence มาให้แล้วจนถึงวันที่ 5 ก.พ.61 แล้ว แต่ SIRI ได้แจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาออกไปอีกที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นว่า ระยะเวลาในการทำ Due Diligence ที่กำหนดไว้มีความเหมาะสมเพียงพอแล้ว จึงมีมติไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาออกไปอีก

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทไม่ขยายเวลาในการทำดีลดิลิเจ้นท์ออกไป เพราะตามแผนเดิมต้องการขายทรัพย์สินให้เสร็จเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการเพิ่มทุน แต่ขณะนี้กระบวนการเพิ่มทุนใกล้เสร็จแล้วภายในวันที่ 14 ก.พ.นี้ แต่ดีลการขายทรัพย์สินยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากขายหุ้นเพิ่มทุนหมดจะได้เงินมาราว 4,000 ล้านบาททำให้ความจำเป็นในการขายลดลงไป คณะกรรมการบริษัทได้หารือ และปรึกษาธนาคารเจ้าหนี้แล้วเห็นว่าการทำดีลต้องใช้เวลาอีกนานจึงไม่อนุมัติขยายเวลาให้ ซึ่งเป็นการจบลงด้วยดีไม่ได้มีปัญหาอะไร

“หลังได้เงินเพิ่มทุนแล้วจะนำไปใช้หนี้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งขณะนี้หนี้ตั๋วเงินหรือตั๋วบีอีแทบไม่มีแล้ว เพราะปีที่แล้วได้ไถ่ถอนออกมาหมด 6,000 กว่าล้านบาท และในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ในส่วนของโรงแรมก็จะเปิดให้บริการแล้ว และที่พักอาศัยในโครงการมหานครก็ทยอยโอนให้ลูกค้าต่อเนื่อง ห้องที่เหลือเราอาจนำมาขายเองหรือขายออกทั้งลอตเพราะหลังเปิดโรงแรมราคาจะดีขึ้นไปอีก ส่วนโครงการนิมิตหลังสวนมียอดจองแล้ว 90% และมีหลายรายสนใจเข้ามาซื้อ แต่เรายังสามารถดำเนินการต่อได้ ส่วนการขยายที่ดินที่นิเซโกะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ก็เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทอีกทาง

ในวันเดียวกัน PACE ยังได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการขายที่ดินซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลนิเซโกะจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เนื้อที่รวมประมาณ 87 ไร่ 3 งาน 33.295 ตารางวาให้แก่ Richforest International Investments Ltd ในราคา 2,050,000,000 เยน หรือ 594.95 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน.