บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำการเป็น Living Solutions Provider คุณภาพสูง โดยนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจและองค์กร ปี 2566-2570 ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี  150,000 ล้านบาท บนยุทธศาสตร์ SC Thriving Beyond 

ในปี 2565 บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยสามารถทำรายได้ไปทั้งสิ้น 21,583 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อน มีกำไร 2,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้ว และสามารถปิดยอดขายบ้านและคอนโดล่วงหน้าไปได้กว่า 24,468 ล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งหมด 24,600 ล้านบาท

ในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่า 40,000 แบ่งเป็นโครงงานแนวราบเน้นบ้านเดี่ยวคุณภาพสูง 22 โครงการ และโครงการแนวสูงลุยตลาดคอนโด 3 โครงการ

รุกตลาดบ้านเดี่ยวระดับ Ultimate Luxury ด้วยการเปิดตัวแบรนด์บ้านใหม่ “95E1” (ไนน์-ตี้-ไฟว์-อีสต์-วัน) ราคาเริ่มต้นที่ 100-150 ล้านบาท ถือเป็นราคาเริ่มต้นสูงสุดตั้งแต่เปิดขายมา จำกัดเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท เนื่องจากตลาดบ้านเดี่ยวระดับ Ultimate Luxury เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มาก มี Supply ไม่เยอะ แต่มีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโต โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเป็นหลัก และคำนึงถึงราคาเป็นเรื่องรอง จึงต้องออกแบบบ้านที่เน้นให้ความสำคัญกับโลเคชั่นและความต้องการของลูกค้า ประกอบกับผลประกอบการของตลาดบ้านราคา 10-50 ล้านบาท ที่ทำได้ดีมาตลอดในช่วง 3 ปี ทำให้แบรนด์ของ SC มีความแข็งแรงจนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าตลาดบนได้

...

อีกทั้งยังวางแผนเพิ่มการลงทุน และเริ่มดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) อย่างธุรกิจคลังสินค้า โดยโควิดเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจคลังสินค้ามีความน่าสนใจ เนื่องจากมีการเติบโตของ Demand และ Supply อย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบัน มี Supply อยู่ในตลาดประมาณ 5 ล้านตารางเมตร กว่า 90% ของ Supply เป็นของสองผู้เล่นรายใหญ่ ธุรกิจจึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก ประกอบกับกระแสอีคอมเมิร์ซ และนโยบาย China plus one ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการกระจายความเสี่ยง Supply Chain และเพิ่มโอกาสทางการค้าของนักลงทุนจีน

โดยแนวโน้มตลาดอสังริมทรัพย์ปีนี้ คาดว่าจะดีขึ้นจากปีก่อน Supply บ้านเดี่ยว โดยเฉพาะบ้านหรูเติบโตมาก ส่วนคอนโดกลับมาเติบโตเท่าก่อนโควิด เป็นผลมาจากนโยบายการเปิดประเทศที่กระตุ้นให้ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยและอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 23 ล้านคนทำให้มีกำลังซื้อจากต่างชาติ รวมถึงความคาดหวังต่อการเลือกตั้งที่จะมาถึง

สำหรับเป้าหมายในปี 2566 SC คาดว่าจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขาย 30,000 ล้านบาท โดยมาจากโครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 35% มีรายได้รวม 25,000 ล้านบาท จากโครงการเพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recuring income) สู่เป้าหมายการสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง 150,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี.