เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ผ่านมา ทางการฮ่องกงเปิดเผยถึงแผนที่จะอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยซื้อขายคริปโตฯ เช่น Bitcoin และ Ethereum โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายบนกระดานแลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) เท่านั้น พร้อมทั้งจะมีมาตรการป้องกันและคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยการทดสอบความรู้ โปรไฟล์ความเสี่ยง และขีดจำกัดที่สมเหตุสมผลในการรับความเสี่ยงก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 31 มีนาคมนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 ฮ่องกงได้เปิดตัวโครงการ G-Rocket เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Web3 โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการสัญชาติจีนทั้งจากต่างประเทศและจีนแผ่นดินใหญ่ให้เข้ามาฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นให้ฮ่องกงกลับมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียอีกครั้ง หลังจากเผชิญหน้ากับการแทรกแซงทางการเมืองจากจีนทำให้เกิดภาวะสมองไหล รวมถึงต้องปิดเมืองตามมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก

และในขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของทางการของจีนได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมคริปโตฯ ที่จัดขึ้นในฮ่องกงหลายครั้ง รวมถึงมีการสอบถามแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยคลายข้อสงสัยต่อจุดยืนของฝั่งจีนว่าไม่ได้มีท่าทีต่อต้านความพยายามในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง

และล่าสุดจากสุนทรพจน์เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางจีนและธนาคารกลางฮ่องกงในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของจีนของ Yi Gang ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน ได้แสดงความชัดเจนในการสนับสนุนความทะเยอทะยานของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางด้าน FinTech

อย่างไรก็ตามแม้ว่าความสนใจในตลาดคริปโตฯ ของฮ่องกงจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX ซึ่งส่งผลให้ตลาดคริปโตฯ ซบเซาลง และกฎหมายควบคุมคริปโตฯ ที่เข้มงวดของคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ แต่การที่ฮ่องกงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า จำเป็นที่จะต้องดึงดูดผู้ประกอบการด้านคริปโตฯของจีนให้เข้ามาด้วย จากที่ผ่านมาได้แยกตัวไปประกอบธุรกิจในสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในขณะที่รอความชัดเจนของกฎหมายและแนวทางการกำกับดูแลของฮ่องกง

...

อ้างอิง Bloomberg1, Bloomberg2