กูรู มองตลาดคริปโตปี 66 ยังไม่ใช่ขาขึ้น ยังคงต้องระมัดระวัง และจับตามองอย่างใกล้ชิด จากความกดดันของ FED และความไม่แน่นอนหลังการล่มสลายของ FTX

นายชานน จรัสสุทธิกุล และ ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Forward สตาร์ทอัพด้าน DeFi โดยคนไทย
นายชานน จรัสสุทธิกุล และ ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Forward สตาร์ทอัพด้าน DeFi โดยคนไทย

ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษา Forward สตาร์ทอัพ DeFi ที่ก่อตั้งโดยคนไทยกล่าวว่า แนวโน้มตลาดคริปโตในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI เดือน พ.ย. +7.1% YoY ซึ่งต่ำกว่าคาด และ FED ก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เป็นผลที่ดีต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้นและคริปโต

...

ซึ่งจะเห็นว่าตลาดหุ้นใน US ทั้ง S&P, Dow, Nasdaq ต่างปรับตัวเป็นบวก รวมถึงราคา BTC 1.6% ทันทีในหนึ่งนาทีหลังจากประกาศ ไปที่ราคา $17,915 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวๆ 5% ในรอบวัน
ในขณะที่ ETH ก็วิ่งขึ้นเกือบๆ 7% เช่นกัน รวมถึงราคาของ Altcoins ต่างๆ โดยรวม ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของนักวิเคราะห์หลายๆ คน รวมถึงการแสดงออกของ FED เราน่าจะยังเห็นการบังคับใช้มาตรการแบบเข้มข้น ไปอีกสักพัก ซึ่งอาจจะยาวไปถึงกลางปีหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึง 5.1-5.25% กว่าที่ FED จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการลง

ขณะที่สถานการณ์ตลาดคริปโตในปี 2566 ยังคงต้องระมัดระวัง และจับตามองอย่างใกล้ชิด เราน่าจะยังไม่สามารถเห็นการฟื้นตัวของราคาที่ปรับเป็นขาขึ้น อย่างน้อยก็ในครึ่งปีแรก เนื่องจากทั้งความกดดันของมาตรการของ FED ที่ยังคงอยู่ รวมไปถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาจากการล่มสลายของ FTX และ Alameda Research  

ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากยังมีความกังวลกับโดมิโนที่จะตามมา รวมถึงยังไม่มีความมั่นใจในผู้เล่นเจ้าใหญ่ต่างๆ ว่ายังมีความสูญเสียที่ซ่อนไว้อยู่อีกหรือไม่

ยกตัวอย่างเช่น Genesis แพลตฟอร์มที่เป็น Prime Broker ขนาดใหญ่ในวงการคริปโตของโลก ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากทั้งการที่มีเงินติดอยู่ใน FTX และมีการปล่อยกู้จำนวนมากให้กับ Alameda

นอกจากนี้ Genesis เองก็มีธุรกรรมมากมายกับสถาบันต่างๆ ทั้งในและนอกกลุ่มคริปโต

มากกว่านั้นยังมี Greyscale ที่เป็น Bitcoin Trust ที่ครอบครอง BTC อยู่ถึง 3% ของ BTC ทั้งโลก ที่เปิดให้นักลงทุนสถาบันจำนวนมากสามารถเข้ามาถือ BTC ได้ ซึ่งสูญเสียความเชื่อมั่น และไม่ยอมที่จะแสดงหลักฐานของการถือ BTC ซึ่งทำให้ราคา BTC ที่เป็นหน่วยลงทุนของ Greyscale ลดลงต่ำกว่าตลาดถึง 45% ทั้งๆ ที่เคยมีราคาสูงกว่าตลาดมาโดยตลอด

ซึ่งทั้ง Grayscale และ Genesis ต่างเป็นบริษัทลูกของ Digital Currency Group (DCG) บริษัทยักษ์ทางฝั่งคริปโตที่เป็นผู้ลงทุนในมากกว่า 160 บริษัททั่วอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึง Coinbase, Coindesk, และ Ledger การที่เกิดความไม่แน่นอน ในทั้งสองบริษัทลูก บวกกับการที่มีข่าวการกู้ยืมกันระหว่างบริษัทลูกและบริษัทแม่ ยิ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้เกิดความไม่ไว้ใจในบัญชีของ DCG

ดังนั้นการลงทุนในปีหน้าช่วงต้นปี คงยังต้องทำด้วยความระมัดระวัง จากแรงกดดันตลาดต่างๆ รวมถึงความเป็นไปได้ในการผลุดขึ้นมาของบริษัทต่างๆ ที่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม เราน่าจะได้เห็นบทเรียนจากตลาดแล้วว่า เรื่องเซอร์ไพรส์ต่างๆ เกิดขึ้นได้เสมอ Exchange ที่ใหญ่อันดับสองของโลก ยังล่มสลายได้ในสามวัน ราคา Token FTT ที่ลดลงเกือบจะ 100% ในเวลาอันสั้น สิ่งเหล่านี้น่าจะตอกย้ำถึงความเสี่ยง และความไม่แน่นอนในตลาด การบริหารความเสี่ยง ไม่ลงทุนหรือเก็งกำไรจนเกินตัว น่าจะเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับตลาดในครึ่งปีหน้า

ด้านชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Forward เปิดเผยว่า ด้วยมองว่าวิกฤติของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีที่เกิดขึ้นในรอบปีนั้นส่วนใหญ่มาจาก CEX (Centralised Exchange) หรือแพลตฟอร์มธุรกิจแบบรวมศูนย์ เช่น FTX ส่งผลให้ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์หรือ DeFi จึงน่าจะเป็นอีกคำตอบนึงของโลกการเงินยุคใหม่ในโลกของคริปโตที่ต้องเน้นความถูกต้องทางบัญชี และความปลอดภัยในสินทรัพย์ของนักลงทุนเป็นหลักรวมถึง สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และล่าสุด Forward เป็น DeFi แพลตฟอร์ม ที่ออกแบบสำหรับ Web3 ที่จะเป็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่แบบกระจายศูนย์ ได้มีการปิดดีลระดมทุนเพิ่มเติมจาก Kyber Ventures ซึ่งสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรม DeFi ด้วย

...

*การให้มุมมองสถานการณ์ทั้งหมดเกิดจากความคิดเห็น ข้อมูล และประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ตอบ ไม่ได้สะท้อนมุมมองของบริษัท และไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด