กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย 11 เดือน ปี 2565 ต่างชาติลงทุนในไทยแล้วกว่า 1.12 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 74% ทุนญี่ปุ่นยังครองอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นทุนจีน และสิงคโปร์ จ้างงานคนไทย 5,008 คน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยข้อมูลการลงทุนของต่างชาติ นับตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 11 เดือน โดยได้มีการอนญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวม 530 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 198 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 332 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 112,466 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยรวมกว่า 5,008 คน

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 137 ราย (ร้อยละ 26) เงินลงทุน 39,000 ล้านบาท, สิงคโปร์ 85 ราย (ร้อยละ 16) เงินลงทุน 11,999 ล้านบาท, สหรัฐอเมริกา 70 ราย (ร้อยละ 13) เงินลงทุน 3,343 ล้านบาท, ฮ่องกง 38 ราย (ร้อยละ 7) เงินลงทุน 8,451 ล้านบาท และจีน 25 ราย (ร้อยละ 5) เงินลงทุน 22,677 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนไทยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 6 ที่อนุญาตไปทั้งหมด 500 ราย

เม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 47,884 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 74 และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 5 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.1 (ปี 2565 จ้างงาน 5,008 คน ปี 2564 จ้างงาน 5,003 คน) โดยปี 2564 ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ สหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับปี 2565

สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตฯ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาทิ

...

บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา

บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย

บริการขุดลอก ถมทะเล และก่อสร้างม่านดักตะกอนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด

บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคแบบครบวงจรในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การช่วยเหลือด้านการออกแบบ การพัฒนา และทดสอบระบบ เป็นต้น

บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย

บริการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์และเชื่อมโยงเพื่อบริหารจัดการข้อมูล Big Data, Data Analytics

ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2565 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 105 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48,316 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43 ของเงินลงทุนทั้งหมด

ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 42 ราย เงินลงทุน 24,520 ล้านบาท จีน 9 ราย
เงินลงทุน 10,956 ล้านบาท และ สิงคโปร์ 9 ราย เงินลงทุน 2,156 ล้านบาท

ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย  2) บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการควบคุมการผลิตในโรงงาน และระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และ 3) บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การอัปเกรดซอฟต์แวร์ต่างๆ เป็นต้น
         

อย่างไรก็ตามกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดว่าในเดือนธันวาคมจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 50 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 33 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,029 ล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 373 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการทดสอบและตรวจสอบการทำงานของตู้ควบคุมแรงดันไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบที่เกี่ยวข้องกับ Internet Protocol Television (IPTV) เป็นต้น.