“วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ผงาดคว้ารางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี 65” จากวารสารการเงินธนาคาร ด้วยคุณสมบัติของการเป็นนักการเงินแห่งปีครบถ้วนตามเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการทั้ง 4 ด้าน คือเป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ สร้างความเติบโตยั่งยืนให้กับองค์กร รับผิดชอบต่อสังคมและทำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วารสารการเงินธนาคารได้มอบรางวัลเกียรติยศ นักการเงินแห่งปี Financier of the Year มาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว เพื่อยกย่องผู้บริหารระดับสูงสถาบันการเงินที่มีผลงานโดดเด่น มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัย สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตก้าวหน้าและยั่งยืน โดยเอกสารข่าวจากวารสารการเงินธนาคาร ระบุว่า จากวันแรก 1 ก.ค.63 ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการธนาคาร นายวิทัยได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับบทบาทธนาคารออมสินมุ่งสู่การเป็น “Social Bank” หรือ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลเชิงบวกแก่สังคม ดูแลลูกค้าประชาชน 3 กลุ่มหลัก คือ ผู้มีรายได้น้อยผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน เพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการทำธุรกิจ Dual Track แบบสมดุลทั้งภารกิจเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างกำไรมาอุดหนุนภารกิจด้านสังคม
โดยภารกิจแรก คือการนำธนาคารออมสินเข้าสู่ธุรกิจ Non-Bank เต็มตัว สนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด โดยเข้าไปแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ในนามบริษัท เงินสดทันใจ จนสามารถกดดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจาก 28% ต่อปี ให้เหลือ 16-18% ต่อปี ต่อมาคือออก “สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน” วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท ให้บุคคลธรรมดาและ SMEs ใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักประกันการกู้เงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กิจการ หรือนำไปไถ่ถอนจากสัญญาขายฝาก โดยภายใน 2 ปี ปล่อยสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการแล้ว 21,254 ล้านบาท จากนั้นได้ตั้งบริษัท มีที่มีเงิน จำกัด ลุยทำธุรกิจในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก เพื่อลดโครงสร้างดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงให้ประชาชนได้ประ โยชน์จากสินเชื่อที่มีต้นทุนถูกลงและมีเงื่อนไขที่เป็นธรรม ช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และยังมีแผนตั้งบริษัททำธุรกิจ Non-Bank ในปี 66 เพื่อทำสินเชื่อบุคคล มีเป้าหมายกดดอกเบี้ยให้ต่ำลงจากเดิมมากกว่า 5% จากเดิมอยู่ที่ 25% ต่อปี
...
นายวิทัยมองว่า สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนภารกิจ Social Bank ให้สำเร็จได้ตามเป้าหมายคือ Digital Banking ที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดยธนาคารได้พัฒนาและให้บริการบนแอปพลิเคชัน MyMo ที่ใช้บริการบนโทรศัพท์มือถือได้ ทั้งบริการสินเชื่อ Digital Lending เปิดบัญชีเงินฝาก (e-KYC) การปรับแผนชำระหนี้ การตรวจสอบข้อมูล Credit และ Credit Scoring เป็นต้น ธนาคารยังได้วางแผนพัฒนา Digital Lending อนุมัติสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งนี้นับตั้งแต่ปรับบทบาทเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” ภายใต้การนำของนายวิทัย ธนาคารได้ทำภารกิจช่วยเหลือสังคมที่เป็นรูปธรรมในหลายมิติ ท่ามกลางวิกฤติ
โควิด-19 ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ช่วยเหลือประชาชนได้แล้ว 13 ล้านคน และปล่อยสินเชื่อกว่า 6.8 ล้านราย วงเงิน 1.66 ล้านล้านบาท.