เพราะมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มกะตังค์ “หนา” ตลอดช่วง 2 ปีเศษแห่งการแพร่ระบาด ธุรกิจจัดจำหน่ายนาฬิกาของ ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเอชจี พรีม่า ไทมส์ ตัวแทนและผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาชั้นสูงอย่าง Rolex, Patek Philippe, F.P. Journe, Panerai และ Hublot จึงออกจะเติบโตสวนทางกับชาวบ้านชาวช่อง

พอถามว่าโตประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ คุณณรัณตอบกล้อมแกล้มแบบไม่ค่อยอยากให้ได้ยินว่า ประมาณ 20% และรีบออกตัว “แต่ไม่ใช่บริษัทผมคนเดียวนะครับ เขาโตกันทั้งตลาด”

ขนาดตั้งแต่ต้นปีราคาปรับขึ้นไป 5-25% (แล้วแต่รุ่นและแบรนด์) เพราะความต้องการสวนทางกับกำลังผลิตและราคาวัตถุดิบอย่างเพชรและทองขึ้นพรวดพราด แต่ลูกค้าก็หาได้แผ่วไม่ “ตอนนี้ waiting interest ของเราในบางรุ่น บางแบรนด์ อยู่ที่หลักพันคน และไม่สามารถการันตีได้ว่าจะได้ของหรือไม่ เมื่อไร” ขายดีขนาดนี้ คุณณรัณบอกทำให้เครียดไปอีกแบบ เพราะมีลูกค้ารออยู่หลายร้อยหลายพัน แต่ไม่มีของขาย กลายเป็นเรื่องน่าอึดอัด

“มีคนเคยบอกว่านาฬิกาจะถูก Disrupt ด้วยมือถือ เรื่องนี้จริงบางส่วน แต่นาฬิกาในนิยามปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบ่งบอกเวลาอีกต่อไป มันเป็นสินค้าที่สร้างความพึงพอใจ บ่งบอกรสนิยม เป็นของสะสม งานศิลปะเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตอนนี้ลูกค้านาฬิกาหรูอายุลดลงจากเฉลี่ย 45-55 ปี เป็น 30-40 ปี”

จะถูก Disrupt อีกกี่ระลอก ก็ไม่สะท้าน.