ALLY GLOBAL เปิดตัว Private Equity จับกลุ่มนักลงทุนไฮเน็ตเวิร์ธ ตั้งเป้า AUM ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 5 ปี

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 65 นายกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL กล่าวว่า แอลไล โกลบอล ก่อตั้งเมื่อปี 2019 ซึ่งเราเป็นบริษัทการลงทุนทางเลือก หรือ Alternative Investment–Private Equity Investment ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM มูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเรามีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านเหรียญในระยะเวลา 5 ปี

ทั้งนี้ ALLY GLOBAL เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลักทั่วโลก ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ หรือ Real Estate 2. สื่อและความบันเทิง หรือ Media and Entertainment 3. อุตสาหกรรมด้านบริการ และ โรงแรม หรือ Hospitality และ 4. การลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด หรือ Growth, Sustainability and Green Energy ภายใต้เงื่อนไขธุรกิจนั้นต้องมีความมั่นคง และเน้นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สิน หรือกระแสเงินสดรองรับ เป็นต้น

...

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน นักลงทุนไทยมีข้อจำกัดในการลงทุนอยู่พอสมควร ไม่ว่าจากประเภทสินทรัพย์ หรือจากการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนในระดับโลก ถึงแม้จะมีรูปแบบการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ แต่ก็ต้องผ่านตัวกลาง และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขณะที่ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ได้รับ ก็พบว่าทำให้เสียโอกาสเมื่อเทียบกับนักลงทุนต่างประเทศ

"เรามองเห็นโอกาสนี้ที่จะสามารถช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนโดยตรง โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ลงไปอีก การลงทุน Alternative Investment หรือ Private Equity เป็นสัดส่วนสำคัญของกองทุนระดับโลก โดยมีการจัดสรรการลงทุนไม่ต่ำกว่า 25-40% โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงเช่นในปัจจุบัน"

นายกฤษฎิ์ กล่าวอีกว่า ALLY GLOBAL ถือได้ว่าเป็น Platform การลงทุนที่แรกที่เปิดโอกาสให้กับนักลงทุนร่วมลงทุนโดยตรงกับเจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งแตกต่างกับ Platform อื่นที่มีผู้บริหารกองทุนต่างชาติ เป็นผู้บริหารเงินลงทุนให้อีกต่อทอดหนึ่ง จึงทำให้นักลงทุนมีโอกาสเลือกการลงทุนที่ดีที่สุด ที่เราทำได้เช่นนี้ เนื่องจากว่าเรามี Network ที่แข็งแกร่งกับ Family office ต่างๆ และอีกส่วนที่สำคัญ คือ การเป็นพันธมิตรกับผู้บริหารโครงการที่เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาดที่หลากหลายทั่วโลก

สำหรับสินทรัพย์ที่ ALLY GLOBAL เข้าลงทุน ได้แก่ 1. โครงการ Mixed-Use มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนทำเลใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของไมอามี ฟลอริดา 2. โครงการอาคารธุรกิจพาณิชย์ 18 อาคารบนถนนเวสเทิร์น อเวนิว สายหลักใน Hollywood ตั้งอยู่ใกล้พาราเมาท์ สตูดิโอและ เน็ทฟลิกซ์

3. โครงการโรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเบเวอลีย์ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ใกล้โรดิโอไดรฟ์ 4. ออฟฟิศ 1375 บนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ก เป็นตึก 20 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เพนสเตชั่น และไบรอัน พาร์ค

ส่วนธุรกิจโรงแรมที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนมี 2 ประเภท 1. โรงแรมที่มีทำเลที่ดีมาก สามารถเข้าลงทุนซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด หากมีการลงทุนปรับปรุง โดยนำ Best in class operator ที่มี F&B component ที่ดังทั่วโลก สามารถทำให้ Room rate ขึ้นได้มาก

2. โรงแรมที่สามารถนำแนวคิดใหม่หรือเทรนด์ work from anywhere โดยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถขับรถได้ไม่ไกล และมีฤดูการพักได้ยาวตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนโรงแรมที่ซิกเซ็นส์ อิบิซ่า สเปน ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงโควิด และเพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่นาน ปรากฏว่าประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนด้านสื่อและบันเทิง ปัจจุบันกระแสการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ มาแรงในหลายประเทศที่มองการใช้ธุรกิจบันเทิงมุ่งสู่ตลาดโลก ALLY GLOBAL วางแผนสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบและครบวงจร หรือ Fully-integrated ecosystem โดยนำผลงานบันเทิงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่สายตาเวทีผู้ชมระดับโลก

โดย ALLY GLOBAL ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนทางการเงิน พัฒนา และจัดจำหน่ายให้กับพันธมิตรบริษัทในวงการภาพยนตร์ทั้งในอเมริกาและระดับโลก

ด้านการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด ALLY GLOBAL มีการลงทุนในบริษัทที่กำลังเติบโตและกลุ่ม startups กว่า 50 บริษัท อาทิ Hungryroot บริษัทที่ให้บริการค้าปลีกที่มีการเติบโตโดยใช้ระบบ AI โดยปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงกว่ามูลค่าการเข้าลงทุนในครั้งแรก และ Braven Environmental บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในการแปลงพลาสติกเป็นพลังงาน (Plastic to energy technology company) นับเป็นบริษัทพลังงานทางเลือกที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น

...

นายกฤษฏิ์ กล่าวอีกว่า พาร์ตเนอร์หลายคนของเราที่เคยเป็นหัวหน้าทีมด้านการลงทุนอสังหาฯ ในธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลก ทำให้เรารู้จักและคัดเลือก Operator ที่ดีที่สุดในตลาดหลักๆ ให้เราได้ดูและเลือกของดีก่อนคนอื่น ซึ่งเห็นได้จากผลตอบแทนในการลงทุนของเราที่มีตั้งแต่ 18- 40% ต่อปีโดยประมาณ

ทั้งนี้ ในทุกการลงทุนเป็นแนวคิดที่เริ่มมาจากการดูการลงทุนของครอบครัวใน Private Investment globally แล้วเห็นว่า ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศ ไม่ได้มีโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด คนที่มีโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่ Local Operator ในแต่ละเมือง ซึ่งเรามีคอนเน็กชั่น และเคยร่วมลงทุนด้วยกันมานานอีกด้วย

ด้านนายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราขั้นแรก คือ นักลงทุนกลุ่ม High Net Worth ที่มีวิสัยตรงกันในด้านการลงทุน ระยะกลางและระยะยาว เราจะโฟกัสเป็นนักลงทุนสถาบันเพิ่มเติม หลังได้รับอนุญาตจาก regulator ภายในประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเราอยากมีกลุ่มนักลงทุนที่หลากหลายที่เข้ามาลงทุนด้วยกัน

...