ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.พ.65 ปิดที่ 1,661.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 59,439.75 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,301.64 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้มองหุ้นไทย เดือน ก.พ.65 ผันผวน ปัจจัยที่มีผล คือตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ หากออกมาต่างจากเดือนก่อนหรือต่างจากการคาดการณ์ของตลาดมาก จะส่งผลกระทบต่อความคิดของนักลงทุน ต่อแนวนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วงถัดไป จับตารายงานตัวเลขจ้างงานวันที่ 4 ก.พ. และเงินเฟ้อใน 10 ก.พ.นี้

ที่ผ่านมานักลงทุนเร่ง Price in ประเด็นคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด มากขึ้นเป็น 5 รอบ ส่งผลให้ความชัน Yield curve ของสหรัฐฯแบนราบลง สวนทางกับฝั่งไทยที่แนวโน้มการเข้มงวดนโยบายการเงินยังห่างไกล จึงทำให้ความชัน Yield curve ของไทยทรงตัวได้ในระดับสูง ภาพของ Bond yield ที่มีลักษณะเช่นนี้ ย่อมทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวแข็งแกร่งกว่าหุ้นสหรัฐฯในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นที่เป็น Value stock คือกลุ่มธนาคารและอสังหาฯ

แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ลง จากเดิมมองจุดสูงสุดที่ 1,800 จุด เหลือ 1,770 จุด (อิงประมาณการ EPS ปี 66) เพราะนับจากต้นปี การเข้มงวดนโยบายการเงินของ Fed ที่เร็วเกินคาดได้ผลักดันให้ Bond yield สหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จนส่งผลกระทบต่อ Valuation ของ SET Index ผ่านการเทียบวัดจาก Earning yield gap ระหว่าง Bond yield สหรัฐฯกับตลาดหุ้นไทย

ในทางกลับกัน หากเทียบ Earning yield gap กับประมาณการ EPS ปี 65 จะได้แนวรับสำคัญของ SET ที่ 1,560 จุด ดังนั้นดัชนีปัจจุบันที่ 1,660 จุด ถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสมดุลในเชิง Valuation

กลยุทธ์ช่วงนี้จึงแนะเพียง Selective เลือกถือหุ้นที่คาดว่าจะ Outper form ตลาดเท่านั้นโดยเฉพาะหุ้นปันผลสูงที่ให้ผลตอบแทนชนะตลาดอย่างชัดเจน เลือกหุ้น Laggard เช่น ADVANC, INTUCH, MAJOR, TOG อีกกลุ่มคือหุ้นเติบโตที่ราคาปรับฐานลงมาแรง แต่ประมาณการ EPS ไม่ได้ถูกปรับลด ส่งผลให้ Valuation น่าสนใจมากขึ้น อาทิ HANA, KCE, JMT

...

ขณะที่ บล.ทิสโก้ ประเมินหุ้นไทยผันผวน มองปัญหาความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน หนุนราคาน้ำมันและเงินเฟ้อพุ่ง อาจเร่งให้เฟดเดินหน้านโยบายการเงินเข้มขึ้น

แต่คาดการณ์งบ Q4 ของ บจ.ไทยจะออกมาดี และหุ้นปันผลสูงที่กำไรปีนี้ยังโตได้ เป็นตัวเลือกการลงทุนที่เด่นสุดเดือนนี้ หุ้นเด่นเดือน ก.พ.เชียร์ BANPU, COM7, CPALL, CPF, EGCO, KKP และ SCB!!

อินเด็กซ์ 51