เอ็กซ์สปริง ได้รับใบอนุญาตด้านสินทรัพย์ดิจิทัลครบ 4 ไลเซนส์ จากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. พร้อมให้บริการครบวงจร Digital Finance - One-Stop Service เชื่อมต่อไร้พรมแดนกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลก

เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล คว้าอีก 4 ไลเซนส์ พร้อมให้บริการไตรมาสแรกปี 65 : นายหน้าซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล ผู้ค้าคริปโตเคอร์เรนซี และผู้ค้าโทเคนดิจิทัล เมื่อรวมกับการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) เท่ากับมี 4 ไลเซนส์และ 1 ICO Portal แล้วในมือ นับเป็นบริษัทแรกในเมืองไทยที่ได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลครบทั้ง 5 ใบ เดินหน้าให้บริการ Digital Finance - One-Stop Service ครบวงจร ครอบคลุมธุรกรรมซื้อขายทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง ซื้อขายแบบไร้พรมแดนโดยเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก พร้อมบริการนักลงทุนครบ จบในที่เดียว

บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) ประกาศในวันนี้ว่า เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล (XSpring Digital) บริษัทในเครือ ได้รับ 4 ไลเซนส์อย่างเป็นทางการ ได้แก่ 1. นายหน้าซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี 2. นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล 3. ผู้ค้าคริปโตเคอร์เรนซี และ 4. ผู้ค้าโทเคนดิจิทัล อีกทั้งยังได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ให้เป็น ICO Portal พร้อมเดินหน้าเป็นผู้ให้บริการทางการเงินและการลงทุนในระบบดิจิทัลแบบ One-stop Service เจ้าแรกๆ ในไทย ผ่านการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยเงินทุนกว่า 10,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวตลาดเงินดิจิทัลทั่วโลกที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 40 ล้านล้านบาทในปี 2565

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หลังจากบริษัทฯ ได้ประกาศแผนธุรกิจเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในการก้าวสู่กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร และต่อยอดความเชี่ยวชาญทางการเงินปัจจุบันสู่บริการทางการเงินระบบดิจิทัล (Digital Finance Service) โดยชู 3 จุดแข็ง ได้แก่ พันธมิตร การเพิ่มทุนที่แข็งแกร่ง และการถือครองไลเซนส์ที่พร้อมให้บริการนักลงทุนแบบครบวงจร โดยในส่วนการเพิ่มทุน เดิมเอ็กซ์สปริงมีเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้น 3,094 ล้านบาท และได้เพิ่มสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องทางการเงินสูงด้วยเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมนำไปทุ่มพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ ของบริษัทฯ ซึ่งหนึ่งในธุรกิจหลักที่จะเน้นการพัฒนามากเป็นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ตลาดเงินในปัจจุบันคือธุรกิจระบบดิจิทัล โดยมุ่งเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับบริการทางการเงิน โดยมีบริษัทในเครือเป็นผู้ที่ดูแลธุรกิจระบบดิจิทัลอยู่คือ บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด”

ภายหลังการเพิ่มทุน เอ็กซ์สปริงได้เดินหน้าตามแผนธุรกิจ “Transformation & Leap Forward” เต็มรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในโครงการตามวิสัยทัศน์นี้คือการที่ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ผ่านการรับรองเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) และได้เสนอขาย “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แก่สาธารณชนและทำยอดขายหมดจนประสบความสำเร็จอย่างสูง

วันนี้ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ยังได้รับเพิ่มอีก 4 ไลเซนส์แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งพร้อมให้บริการในไตรมาสแรกปี 65 ได้แก่ 1. นายหน้าซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี 2. นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล 3. ผู้ค้าคริปโตเคอร์เรนซี และ 4. ผู้ค้าโทเคนดิจิทัล ทำให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนในระบบดิจิทัลแบบครบวงจร One-stop Service นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมซื้อขายทั้งคริปโตเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล ได้ในเจ้าเดียว ครอบคลุมทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง

“บริการแบบ One-stop Service ของเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในไทยและต่างประเทศ มอบความสะดวกสบายให้นักลงทุนไม่ต้องยุ่งยากไปเปิดบัญชีกับ Exchange อื่น โดยหลังจากนี้ เราจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพื่อให้รองรับธุรกรรมการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลครบจบในจุดเดียว โดยใช้อินเตอร์เฟซที่ใช้ง่ายในแบบ User-friendly เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างสะดวกสบายจากทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถ monitor พอร์ตของตัวเองได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายในตลาดแรกหรือในตลาดรองของแพลตฟอร์มพันธมิตรของเอ็กซ์สปริง” นางสาววรางคณา อัครสถาพร กล่าว

ผลประกอบการของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ครึ่งแรกของปี 2564 ถือว่าน่าพอใจ โดยมีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุน 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 141 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิฯ อยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจน บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งนี้ จะสามารถเพิ่มรายได้และผลกำไรของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดได้ในปี 2565

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีพันธมิตรอีกหลายรายซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมีส่วนช่วยผลักดันให้กลุ่มเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล สามารถบรรลุเป้าหมายการก้าวเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินและการลงทุนแบบครบวงจร ที่จะเปลี่ยนโลกธุรกิจการเงินการลงทุนเดิมๆ สู่นวัตกรรมการเงินการลงทุน เชื่อมโยงโลกการเงินการลงทุนปัจจุบันและโลกบริการการเงินการลงทุนดิจิทัลอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงโลกการเงินและการลงทุนได้สะดวกและง่ายดาย ควบคู่กับการวางรากฐานระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เมืองไทยเป็นเมืองต้นแบบของ Ecosystem ของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก.