หลักทรัพย์บัวหลวง แนะมนุษย์เงินเดือน อย่าลืมใช้กองทุน SSF และ RMF ช่วยลดหย่อนภาษีปี 64 ชู 4 ธีมหลักผ่าน กองทุนผสม, กองทุนหุ้นเทคโนโลยี, กองทุนหุ้นทั่วโลก และกองทุนหุ้นเวียดนาม

นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 ยังคงไปต่อได้ โดยมีหลากหลายปัจจัยสนับสนุน เช่น ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น จากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง

เช่น ยุโรป, สหรัฐฯ หรืออินเดีย เป็นต้น ขณะที่รัฐบาลหลายๆ ประเทศ ยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ เห็นได้จากการที่โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ อเมริกัน จอบส์ แพลน หรือ American Jobs Plan เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 แนะนำผู้ที่กำลังวางแผนการลดหย่อนภาษีปี 2564 หรือต้องการสร้างเงินออมจากการลงทุนในระยะยาว หาจังหวะเข้าลงทุนกองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF โดยผู้ที่มีอายุไม่เกิน 45 ปี ควรเลือกลงทุนในกองทุน SSF ให้เต็มที่ก่อน เพราะใช้ระยะเวลาในการลงทุนไม่ยาวนัก หรือประมาณ 10 ปี ไม่กำหนดขั้นต่ำในการลงทุน

ขณะเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น, ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท และเมื่อรวมกับกองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ PVD, ประกันบำนาญ, กบข. กอช. เป็นต้น ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

แต่ถ้าอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ควรเลือกลงทุนในกองทุน RMF เนื่องจากจะขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่ออายุ 55 ปี และไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน แต่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี เมื่อครบเงื่อนไขสามารถขายได้ทั้งหมดที่ลงทุนมา ทำให้ถือลงทุนน้อยกว่า 10 ปี

...

ทั้งนี้ การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากผู้ลงทุนจะต้องจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับช่วงอายุแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงด้วย เช่น หากเป็นคนรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ก็ควรเลือก กองทุนผสมที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว หรือหากต้องการวางแผนเกษียณ ผ่านการลงทุนระยะยาว แต่ไม่มีเวลาดูแลพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุ ก็ควรเลือกลงทุน กองทุนประเภท Target Date Fund ที่เน้นลงทุนในระยะยาว เพื่อการเกษียณอายุ

นอกจากนี้ รายงาน BLS Top Funds ยังได้แนะนำกองทุน SSF และ RMF ที่น่าสนใจไว้ 4 รูปแบบ 1.กองทุนผสมที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง โดยแนะ กองทุน BCAP GW75SSF หรือ กองทุน BCAP-2040RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ในและนอกประเทศ ตราสารทุนในและนอกประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก

2.กองทุนหุ้นเทคโนโลยี ที่มีความเสี่ยงระดับสูง โดยแนะ กองทุน KKP TECH-H-SSF ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่กำลังเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และกองทุน B-INNOTECHRMF ที่ลงทุนในหุ้นเทคฯ คุณภาพดี ทั้งแอปพลิเคชันให้บริการออนไลน์, Semiconductor และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลก

3.กองทุนหุ้นทั่วโลก ที่มีความเสี่ยงระดับสูง แนะนำกองทุน KFGGSSF เพราะเชื่อว่าหุ้นเติบโต จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว และกองทุน KCHANGERMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการศึกษาด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

4.กองทุนหุ้นเวียดนาม ที่มีความเสี่ยงระดับสูง แนะนำ กองทุน ASP-VIETRMF ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะได้ประโยชน์จากโอกาสเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนาม และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อาจกลับมาขยายตัวเฉลี่ย 6-7% ต่อปี อีกครั้งในปี 2565.