บัวหลวงเวนเจอร์ส WHA Group ร่วมลงทุนรอบ Series B สตาร์ทอัพไทย GIZTIX สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลด้าน e-Logistics วงเงินระดมทุนราว 260 ล้านบาท 

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 64 นายกฤษณ์ พันธ์รัตนมาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ในเครือของธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า WHA Group และ บัวหลวงเวนเจอร์ส เป็นผู้ร่วมทุนหลักรอบ Series B ของ GIZTIX สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลด้าน e-Logistics วงเงินระดมทุนราว 260 ล้านบาท โดยเราเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดีของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความต้องการเลือกใช้งานจากผู้ให้บริการขนส่งต่างๆ อย่างแพร่หลาย

ทั้งนี้ เราจึงมั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานได้ทั้งระบบ ตั้งแต่ผู้ประกอบการขายสินค้า ผู้ให้บริการขนส่ง รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้า ซึ่งทุกคนจะได้รับบริการด้านขนส่งที่มีประสิทธิภาพจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ควบคุมต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งได้เป็นอย่างดี ภายใต้ระบบงานของ GIZTIX ที่กำลังจะถูกพัฒนาให้มีศักยภาพการบริการเพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในครั้งนี้

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำการให้บริการแบบครบวงจรด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภคของประเทศไทย WHA Group พร้อมจะนำความเชี่ยวชาญ และ Ecosystem ของ 4 ธุรกิจหลัก

...

ตลอดจนความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรม E-Commerce และโลจิสติกส์ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติ มาผนึกกำลังร่วมกับ บัวหลวงเวนเจอร์ส และ GIZTIX เพื่อสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการชาวไทย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า WHA Group ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อขยายธุรกิจ และสร้างการเติบโตทั้งภายในประเทศและก้าวไปสู่ระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน

นายสิทธิศักดิ์ วงศ์สมนึก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง GIZTIX หรือ บริษัท จิซทิกซ์ จำกัด กล่าวว่า เงินลงทุนที่ได้รับจากการระดมทุน Series B ดังกล่าว จะนำไปใช้พัฒนาธุรกิจ 4 ด้าน คือ 1. พัฒนาบริการและเทคโนโลยีสำหรับการขนส่งเพื่อธุรกิจให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการก้าวสู่การใช้เทคโนโลยีระดับสูงที่มีความซับซ้อน 2. ขยายเครือข่ายและพื้นที่บริการขนส่งให้ครอบคลุมทั้งประเทศด้วยระบบ e-Logistics โดยเฉพาะในจุดยุทธศาสตร์สำหรับการขนส่งทางถนน

3. ลงทุนด้านการตลาดและการขาย ช่วยกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการขนส่งในทุกจังหวัด และ 4. ลงทุนด้านการบริหารและเทคโนโลยีเพื่อรักษาความสามารถทำกำไรควบคู่กับการขยายธุรกิจ และเตรียมพร้อมเข้าสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2568 หรือใน 4 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังอยู่ในภาวะแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก แต่ด้วยจุดแข็งของ GIZTIX ที่เลือกโฟกัสกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และสินค้าขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งมีการแข่งขันน้อยกว่า รวมถึงบริการแบบครบวงจรที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ

โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนในทุกกระบวนการทำงาน จึงยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563-2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมาใช้บริการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น จนมีจำนวนเที่ยวขนส่งที่บริหารผ่านแพลตฟอร์ม GIZTIX มากกว่า 500,000 เที่ยวต่อปี กำไรเติบโตขึ้นกว่า 420%

นายสิทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจการขนส่งทางถนนในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีกมหาศาล รวมถึงประเทศไทยยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ของภูมิภาค แต่ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจขนส่งส่วนใหญ่ยังขาดระบบดิจิทัลที่จะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อข้อมูลและสื่อสารแบบ Real-time นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของ GIZTIX ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจในไทยที่จะสอดคล้องไปกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยในอนาคต