ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องราวดีๆ สำหรับพี่น้องชาวเกษตรเกิดขึ้น นั่นคือการลงนามความเข้าใจ (MoU) ระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และห้างค้าปลีกขวัญใจคนไทยอย่าง “โลตัส” โดยมีเป้าหมายคือการ “เสริมแกร่ง” ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ในหลากหลายมิติ ผ่านบทบาทการทำหน้าที่ของ ธ.ก.ส. และการสนับสนุนเพิ่มเติมจากโลตัส มุ่งสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ที่อยู่ในเครือข่าย ทั้งการต่อยอดสู่การค้าขายออนไลน์ การพัฒนามาตรฐานการผลิต การบริการทางการเงิน และส่งออกสู่ต่างประเทศ ดังความตั้งใจของโลตัสที่ต้องการจะเป็น “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อคนไทยทุกคน
เป็นที่ทราบกันดีว่าบทบาทของ ธ.ก.ส. มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อส่งเสริมอาชีพหรือการดำเนินงานของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ดังนั้นการลงนาม MoU กับโลตัสซึ่งเป็นห้างค้าปลีกที่มีความสัมพันธ์อันดีและใกล้ชิดกับเกษตรกรและ SME มาอย่างยาวนาน จึงเสมือนเป็นการอัปเกรดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้อยู่ในเครือข่ายอย่างตรงจุด สร้างผลกระทบในเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ซึ่งนับจากนี้จะสามารถเข้าถึงช่องทางของโลตัสทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ โดย ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มธุรกิจโลตัสเอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นประเทศจีน ได้กล่าวเอาไว้ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์และโลตัส ในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้กับคนตัวเล็ก
ความตั้งใจนี้เรียกได้ว่าสอดคล้องไปกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจของโลตัสที่แสดงให้เห็นมาเป็นเวลานับทศวรรษ ผ่านการให้ความสำคัญทั้งในแง่การบริการลูกค้า ด้วยสินค้าคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ไปพร้อมๆ กับการดูแลชุมชนและสังคม ซึ่งรวมถึงเกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศ โดย นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “โลตัส สนับสนุนประกอบการ SME ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ด้วยการเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ในกว่า 2,100 สาขาทั่วประเทศ และรวมถึงการช่วยพัฒนา ยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ SME ได้มีรากฐานที่มั่นคง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้โลตัสยังมีแผนการที่ชัดเจน ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรและสินค้า SME อย่างน้อย 10% ทุกปี เป็นระยะเวลา 5 ปี ดังนั้นในขั้นต่อไป เพื่อตอกย้ำในการเป็น “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ให้กับ SME และเกษตรกรไทย การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ยังเป็นก้าวที่สำคัญของทั้งสององค์กร ที่จะได้ผนึกกำลังกันสร้างผลกระทบเชิงบวก เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย
“การร่วมมือกันระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และโลตัส ในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกร ได้เข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น ด้วยช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ มุ่งสู่ฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ โดยทั้งสองหน่วยงาน จะร่วมกันเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการผลิต การพัฒนาสินค้า และการเตรียมความพร้อมในการจำหน่ายสินค้าผ่านตลาดค้าปลีกแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) ตลอดจนสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกร เพื่อให้มีเงินทุนในการพัฒนานวัตกรรมและการดำเนินกิจการ ในรูปแบบสินเชื่อ หรือเงินร่วมลงทุน การร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยกันพัฒนา เสริมส่งศักยภาพ และยกระดับชีวิตเกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs ไทย สู่สังคมที่ภาคภูมิ” นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวสรุป
ทั้งนี้ในเบื้องต้นของความร่วมมือ ทางด้านโลตัส ได้ดำเนินการสนับสนุนพื้นที่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้เกษตรกรในเครือข่ายของ ธ.ก.ส. ได้จำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในโลตัส สาขารามอินทรา ระหว่างวันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2564 โดยมีแผนงานที่จะขยายไปสาขาอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนั้น ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โลตัส จัดกิจกรรมการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการ SME ในงาน SME Online Business Matching ครั้งที่ 7 ของปีนี้ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SME ได้นำเสนอสินค้า เพื่อวางจำหน่ายที่โลตัส ทั้งในสาขากว่า 2,100 แห่งทั่วประเทศ และบนแพลตฟอร์มออนไลน์
ผู้ประกอบการ SME ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.TescoLotus.com/SME