นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังจับตาการควบรวมธุรกิจเพราะพบว่า ครึ่งแรกปี 64 มีภาคธุรกิจที่แจ้งการควบรวมมากว่า 20 ราย ซึ่งเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย และยังพบว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่โดยปกติแล้วมักไม่รวมกิจการกัน แม้ก่อนหน้านี้ กขค.ได้ประเมินว่า ภาคธุรกิจจะควบรวมกันมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด โดยธุรกิจที่แจ้งรวมกิจการส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีในกลุ่มสตาร์ตอัพ และมีเจ้าของเป็นคนต่างชาติเกือบทั้งสิ้น
สำหรับการรวมธุรกิจดังกล่าว มีลักษณะเป็นการรวมธุรกิจแบบแนวตั้ง คือ การควบรวมของธุรกิจที่มีห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน (Supply chain) เพื่อวัตถุประสงค์ เช่น ส่งเสริมให้ธุรกิจดำเนินกิจการแบบครบวงจร ลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น คาดว่าในอนาคตจะมีมากขึ้น แต่ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ยังไม่มีความชัดเจนในการกำกับดูแลการควบรวมธุรกิจแบบแนวตั้ง ดังนั้น กขค.จึงเตรียมปรับปรุงกฎหมายนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของการรวมธุรกิจเพื่อให้สามารถดูแลโครงสร้างระบบการควบรวมธุรกิจทั้งแบบแนวตั้ง และแนวนอนได้ ซึ่งการรวมธุรกิจแนวนอน หมายถึงการรวมธุรกิจที่มีลักษณะเหมือนกันหรือขยายกิจการที่ดำเนินการอยู่แล้วให้มีขนาดใหญ่ขึ้น.