HappyFresh ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ปิดดีลระดมทุน Serie D มูลค่าราว 65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2 พันล้านบาท ย้ำภาพเจ้าตลาด E-Grocery ด้วยตัวเลขเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า

เกียม ซาการ์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HappyFresh กล่าวว่า การระดมทุนรอบ Serie D เราได้กลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ นำโดย Naver Financial Corporation และ Gafina B.V ตามด้วย STIC, LB และ Mirae Asset จากประเทศอินโดนีเซีย และกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ อย่าง Mirae Asset-Naver Asia Growth Fund และ Z Venture Capital ที่ตบเท้าเข้าร่วมสมทบทุนเพิ่มใน Serie D ทำให้ในรอบนี้ HappyFresh ปิดดีลระดมทุนที่ประมาณ 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ เราตั้งเป้าหมายตั้งแต่เริ่มธุรกิจ E-Grocery เพื่อจะส่งมอบของสดของใช้ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ความทุ่มเทของเราได้พิสูจน์ถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีเลิศ รวมถึงสร้างความไว้วางใจให้กับครัวเรือนต่างๆ ในทั้ง 3 ประเทศ ว่าทุกคนจะได้รับสินค้าที่สดและมีคุณภาพดีที่สุด และเรายังคงมุ่งมันที่จะให้บริการซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่คัดสรรคุณภาพอันดีเยี่ยม เพื่อลูกค้าของเราเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เราเริ่มต้นธุรกิจ

...

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ HappyFresh ยังคงแสดงศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมียอดการใช้งานแอปพลิเคชันและเว็บไซต์จาก 3 ประเทศในปี 2564 ที่เติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า รวมถึงยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิม เป็นการสร้างความเชื่อมันให้นักลงทุน และตอกย้ำถึงการเติบโตของตลาดและโอกาสในธุรกิจสินค้าประเภทของสด ของใช้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการจับจ่าย ความถี่ในการสั่งซื้อสินค้า และยอดซื้อสินค้าในแต่ละการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่ยังมาจากการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ โดย HappyFresh ยังคงพัฒนาและขยายรูปแบบการชำระเงิน เพื่อตอบรับกับวิถีชีวิตใหม่ให้มากขึ้น

สำหรับทิศทางธุรกิจออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับรับสถานการณ์โรคระบาด ประกอบกับมูลค่าตลาดค้าปลีก 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.15 ล้านล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้ล้วนตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจของ HappyFresh ที่มีมูลค่ามหาศาล



นอกจากนั้น ตลาด E-Grocery ในเอเชียยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้ และกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ ก็มีการปรับตัว และมีความเข้าใจในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของ HappyFresh ด้วย

เดวิด ลิม กรรมการผู้จัดการ HappyFresh ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3/64 นี้ เราได้เตรียมการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อตอบรับความต้องการของครัวเรือน และสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกครอบครัวจะสามารถเข้าถึง บริการสั่งซื้อและรับสินค้าที่บ้านได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ HappyFresh ไปยังจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เพราะเราเชื่อว่า HappyFresh เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ ให้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้