เข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ การเฉลิมฉลอง สังสรรค์ พบปะ พูดคุย งานเลี้ยง ปาร์ตี้ ย่อมหลีกหนีไม่พ้น ขณะเดียวกันการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ต้องยอมรับว่า เป็นของควบคู่กัน นอกจากนั้นไม่ใช่เฉพาะช่วงปีใหม่นี้ ในทุกๆ โอกาสแห่งการสังสรรค์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังถือเป็นตัวเลือกแรกๆ ในมือของใครหลายๆ คนด้วย

ซึ่งจะว่าไปแล้วการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่เรื่องผิด หากอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายกำหนด และไม่ได้ทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการเมาไม่ขับ ดังนั้น ในวันนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" จึงขอนำเสนอธุรกิจบริการที่เข้ามาทลายข้อจำกัดการเมาแล้วขับ นั่นคือ "ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์" (U DRINK I DRIVE) 

โดยเรื่องราวกว่าจะมาเป็นธุรกิจดังกล่าว ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย จากลูกสาวร้านขายทอง โปร์ไฟล์ดี ลงมือต่อยอดสานฝันสู่ธุรกิจออกมาจากงานส่งอาจารย์ เชิญฟังทั้งหมดจาก "สิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์" เจ้าของและผู้บริหารคนสวยรวยเสน่ห์

ส่วนตัวชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่เปิดร้านทองอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี ซึมซับการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก ในสมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย กรุงเทพฯ ชวนเพื่อนขายรองเท้า ออกแบบเอง สั่งโรงงานผลิตตัดเย็บ มีแบรนด์ของตัวเอง ขายตามร้านสยามสแควร์และสวนจตุจักร ซึ่งขายดีมากๆ จนเรียนจบ

...

ต่อมาเข้าเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรอินเตอร์ จนเรียนจบทำงานบริษัทด้านการเงินประมาณ 4 เดือน รู้สึกไม่ใช่จึงลาออกและเรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ธุรกิจและการจัดการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรอินเตอร์ ระหว่างนี้ได้ทำแผนธุรกิจส่งอาจารย์ กระทั่งเรียนจบนำแผนที่ธุรกิจดังกล่าว มาทำเป็นธุรกิจชื่อ บริษัท ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ ทุนเร่ิมต้นได้มาจากช่วงเรียนก่อนหน้าที่สะสมจากการลงทุนต่างๆ ได้กำไรเป็นหลักล้าน

ตอนเขียนแผนงานส่งอาจารย์รู้สึกอยากทำอะไรโดนใจ แปลกใหม่ น่าสนใจ และสามารถนำไปใช้ได้จริง เลยหาข้อมูลพบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุในไทยมากกว่า 40% มาจากเมาแล้วขับ ประกอบกับส่วนตัวมีช่วงต้องสังสรรค์ เลยคิดว่าจะเป็นจุดเร่ิมต้นแก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากการรณรงค์ จนมาเป็นไอเดียบริการขับรถไปส่งบ้าน

เมื่อได้ไอเดียหาข้อมูลเพิ่มพบว่า ธุรกิจนี้ลักษณะนี้ มีให้บริการแล้วทั้งที่เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และเมื่อไปคุยไอเดียกับเพื่อนๆ หลายคนเห็นด้วย และมาร่วมทุน ทำให้ตนนั้น มั่นใจธุรกิจนี้น่าจะเกิด ไม่ได้มโนคิดไปเอง

การเลือกทีมสำคัญมาก เราไม่ได้เก่งทุกอย่าง จึงไปชวนเพื่อนซึ่งบ้านทำธุรกิจด้านรถลีมูซีนอยู่แล้ว อยู่ในวงการขับรถอยู่แล้ว ได้มา 1 คน จากนั้นชวนหุ้นส่วนเพิ่ม แรกเร่ิมรวมตัวเองมีหุ้นส่วน 8 คน

2 ปีแรกที่เปิดธุรกิจ ด้วยความไม่เคยมีธุรกิจแนวนี้มาก่อน ทำให้ถูกเปรียบเทียบมาก โดยเฉพาะกับแท็กซี่ เป็นรถแท็กซี่ แต่เมื่อต่อมาเร่ิมเข้าใจว่าบริการของเราไม่ใช่แท็กซี่ก็เป็นเรื่องสารพัดเหตุผลที่คนไม่อยากใช้บริการ

เปิดธุรกิจปีแรก เงินทุน 1 ล้านบาท หมดเร็วมาก ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ เป็นธุรกิจบริการเป็นบริการเปลี่ยนผู้บริโภค ช่วงนั้นทำการตลาดเยอะมาก และไปเป็นพันธมิตรกับผับ เดือนแรกๆ ที่เปิดบริการ ลูกค้าแค่หลักสิบคน แตกต่างจากแผนธุรกิจมาก เงินทุนเร่ิมหมด

บริษัทลงทุนมาก เปิดธุรกิจ 3 เดือน เงินทุนหมดต้องเพิ่มทุน หุ้นส่วนทยอยออกถอนตัว เหลือหุ้นส่วนรวมกับตัวเอง 3 คน เร่ิมสับสนในความเชื่อมั่นของตัวเอง โดยต้องไปทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์อยู่ถึง 2 ปี เพื่อรับฟีดแบ็ก และพัฒนาบริการ ช่วงแย่ที่สุดของธุรกิจเงินทุนบริษัทเหลือเพียง 9 พันบาท โชคดีลูกค้าเริ่มมา มีข้อเสนอหนุนทุนมา และมีหุ้นส่วนใหม่มาเพิ่มอีก 1

อธิบายง่ายๆ ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ เป็นธุรกิจให้บริการส่งคนขับรถไปขับรถคุณกลับบ้านกรณีเมา หรือดื่ม ล่าสุดมีทั้งให้บริการผ่านคอลเซ็นเตอร์โทร. 09-1080-9108 ไลน์ไอดี @udrinkidrive เว็บไซต์ www.udrinkidrive.co.th เฟซบุ๊ก www.facebook.com/udrinkidrive.th และแอปพลิเคชัน U DRINK I DRIVE บนแอนดรอยด์และไอโอเอส 

...

นับจากวันที่เริ่มเปิดบริษัทเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 รูปแบบธุรกิจเราเป็นธุรกิจใหม่ เป็นสตาร์ทอัพ เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความไว้วางใจ ดังนั้น ต้องทำอย่างไรจะทำให้น่าเชื่อถือ เชื่อมั่นและไว้ใจ จึงลงทุนด้านเทคโนโลยี เช่น ติดจีพีเอส กล้อง รวมทั้งยังลงทุนชุดยูนิฟอร์มให้สะอาด เรียบร้อย สะดุดตามีเอกลักษณ์ คนขับรถต้องได้มาตรฐานเดียวกันตามที่กำหนด ลูกค้าจะได้อุ่นใจ ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น และมาใช้บริการซ้ำ

ย้อนไปเมื่อครั้งสถานการณ์บริษัทฯ แย่ที่สุด เคยนั่งคิดทบทวนว่า จะไปต่อหรือหยุด เพราะความเชื่อของตนเองผิดหลังจากได้ทดลองทำ แต่ด้วยไม่ยอมแพ้ ครอบครัวไม่มีใครกดดัน มีอิสระในการตัดสินใจ จึงเดินหน้าต่อ โดยคุยกับหุ้นส่วนที่เหลือผ่านช่วงนั้น มาได้ จากสถานการณ์ที่แย่ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น มีผู้ใช้บริการเรื่อยๆ ปัจจุบันยอดให้บริการเติบโตเดือนละประมาณ 20-30% ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 7 พันครั้งต่อเดือน

ทั้งนี้ การออกแบบบริการต้องดี เพราะคนเมาไม่ชอบให้ถามมาก พยายามเก็บพฤติกรรมลูกค้ารวมไว้ให้พนักงานทุกคนเหมือนกัน ส่วนการเลือกพนักงานนั้น 80% ต้องทำข้อสอบเส้นทางและคำถามเชิงจิตวิทยา เพื่อทดสอบเซอร์วิสมายด์ จากนั้น อบรมทฤษฎีต่างๆ เช่น ทำอะไรต้องขออนุญาตเสมอ ต่อจากนั้นพาลงพื้นที่จริง

วันนี้ เปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 4 ปี ให้บริการไปแล้วรวมมากกว่า 3 แสนครั้ง มีอุบัติเหตุไม่ถึง 30 ครั้ง ซึ่งเงินทิปจากลูกค้าดีมาก เมาแล้วอ้วกไม่ถึง 1% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทำงานใหม่ ไม่ค่อยพบกรณีแปลกๆ สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดแพงสุดมูลค่าความเสียหายประมาณ 3.5 หมื่นบาท

...

เมื่อสมัยเปิดบริการ 2 ปีแรกไม่มีแอปพลิเคชัน ต้องฝึกอบรมคอลเซ็นเตอร์ให้เป็นคนสำคัญ โจทย์หลักจำเป็นคือ ความน่าเชื่อถือ ส่วนกลยุทธ์การทำการตลาดเป็นแบบกองโจร ใช้งบน้อยที่สุดแบบสตาร์ทอัพ ทำการตลาดแบบหลอกหลอน อยู่ให้ถูกจุดในวันที่ลูกค้าต้องการ ล่าสุดยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันรวมแล้วประมาณ 2.5 แสน

บริษัทฯ ชอบจับมือกับบริษัทใหญ่ โชคดีที่ทำงานได้กับทั้งภาครัฐและเอกชน ทำงานด้วยหมดเป็นพาร์ทเนอร์ด้วยหมด ทำให้บริษัทฯ เราเติบโตได้ดี ปัจจุบันมีคนขับรถประมาณ 200 คน แต่ว่าซุปเปอร์คาร์ขับได้จำนวนหนึ่ง ลูกค้าซุปเปอร์คาร์ประมาณ 5% ที่มีคนขับได้น้อย เพราะค่าฝึกแพง

ล่าสุด เรายังมีบริการใหม่คือ ไปรับรถและส่งรถจากศูนย์บริการให้ด้วย ประกอบกับจากคนใกล้ตัวที่ไปใช้บริการด้านโรงพยาบาลไปทำเลสิกสายตา ที่ต้องการหาคนขับรถชั่วคราว ส่วนปีหน้ามีแผนที่จะรีแบรนด์ เพื่อให้คนไม่งงว่าไม่เมาสามารถใช้บริการได้ เห็นช่องว่างตั้งเป้าจะเปิดให้บริการคนขับรถชั่วคราว โดยฝันจะเปลี่ยนธุรกิจระบบคนขับรถรายเดือน รวมทั้งจะทำบริการไลฟ์สไตล์เทคโนโลยีคอมพานีในอนาคต จะนำบริการต่างๆ มาตอบสนองลูกค้า เช่น รีวิว จองโตะร้านอาหาร เป็นดิจิตอลไนท์ไลฟ์ในปีหน้า

สำหรับรายจ่ายหลักของบริษัทฯ เป็นค่าพนักงาน คือ เงินเดือนและอื่นๆ ธุรกิจอยู่ได้เพราะครอบคลุมค่าใช้จ่าย โดยยังเติบโตได้อีกมาก พื้นที่ให้บริการกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีบริการ พัทยาและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ กำลังศึกษาการทำยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ยากที่สุดไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นการบริหารจัดการคนขับรถ

...

หากถามว่า วันนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง คิดว่าเป็นหนึ่งก้าว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น คือ วันที่คิดว่าเป็นหนึ่งก้าวของความสำเร็จคือ วันที่คนเปิดใจใช้บริการ เพราะยากจริงๆ ที่จะให้คนแปลกหน้าไปนั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งไม่เคยมีบริการแบบนี้ในประเทศไทย แล้วอยู่ดีๆ มีแล้วการที่คนจะยอมใช้ยากมาก การจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค แต่วันที่รู้สึกว่ามีบริการแบบนี้ด้วยหรือ วันไหนไปดื่มลองใช้ก็ดีใจแล้ว ถือว่า ประสบความสำเร็จครึ่งหนึ่งแล้ว

การจะเปลี่ยนให้เมาแล้วขับเป็นเลขศูนย์เลยในประเทศไทย ไม่ได้เปลี่ยนกันข้ามคืน ดังนั้น การที่เราค่อยๆ ให้เห็นว่ามีบริการแบบนี้เป็นทางเลือก มีโอกาศจะใช้ โอกาสเมาแล้วขับจะลดลงมาก โดยเป้าหมายการทำยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ คือ ต้องการเห็นเมาแล้วขับเป็นเลขศูนย์ แต่ ณ วันนี้ เรายังคงเป็นบริษัทเล็กๆ อาจจะยังแก้ไม่ได้ 100% แต่ต่อให้เป็นบริษัทเล็กๆ เปิดมา 4 ปี ให้บริการไปแล้วกว่า 3 แสนครั้ง คิดดูว่าแค่ 1 หมื่นครั้ง สามารถช่วยชีวิตนับเป็นมูลค่ามหาศาล

ในส่วนของตนเองภูมิใจ เพราะได้เริ่มต้นชีวิตเร็ว คือ เป็นเด็กเรียนมากๆ ได้ที่ 1 ได้เกียรตินิยม แต่เมื่อทำงานรู้เลยว่าโลกของการทำงานกับชีวิตเรียนต่างกัน ชีวิตทำงานคือ ถ้าผิด ล้ม เจ็บจริง เพราะคือเกมชีวิตจริงๆ แต่ในข้อสอบ สอบตกแค่ไม่จบ แต่ไม่ได้เสียเงินในการลงทุน เหมือนชีวิตทำงานรู้สึกโชคดีกว่ารุ่นเดียวกันที่ตัดสินใจเริ่มธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย คือ วันที่ล้มเราพลาด ยังมีเวลาได้เริ่มต้นใหม่ แต่ 4 ปีที่ทำมา ทำให้สั่งสมประสบการณ์ ทำให้เปลี่ยนความคิด ต้องขอบคุณที่เลือกเส้นทางนี้ให้กับชีวิตเราเอง ขอบคุณทางบ้านที่ไม่เคยบังคับ ทำให้มีอิสระในการเลือก ดังนั้นคิดว่าการที่เริ่มต้นได้ใช้ชีวิตเร็ว ดีมากๆ หากย้อนเวลากลับไปได้จะทำงานเร็วกว่านี้ ตั้งแต่สมัยมัธยม ถ้าสามารถเรียนไปทำงานไปได้ด้วย ชีวิตจะเพอร์เฟกต์ที่มีโอกาศได้ใช้ชีวิตก่อนคนอื่น เพราะคนเริ่มก่อนคนอื่น มีโอกาสจะประสบความสำเร็จก่อน เพราะรู้ที่จะผิดพลาดมาแล้ว ประสบการณ์ชีวิตจะต่างกัน

สำหรับคนที่อยากจะเดินทางนี้คือ ชีวิตทุกคนไม่มีสูตรสำเร็จ สิ่งที่มีวันนี้อาจจะเป็นเรื่องของจังหวะหรืออะไรหลายอย่างมาเป็นองค์ประกอบ ควรเลือกทางชีวิตของตนเอง อย่าให้ใครต้องมาบอกว่า ให้ทำอย่างนี้ มาบอกว่าไม่เหมาะ ยกตัวอย่างเมื่อเริ่มทำธุรกิจแล้วขาดทุน มีคนพูดกับเราว่าเสียเวลานะที่มาทำธุรกิจนี้ แต่กลับมองว่าไม่มีอะไรเสียเวลา เพราะประสบการณ์ชีวิตตีมูลค่าไม่ได้คือ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วเห็นคุณค่าทุกช่วงขณะในชีวิต ต้องเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น แล้วทำออกมาให้ดีที่สุด แล้วจะไม่มีอะไรน่าเสียใจ ต่อให้ไม่เป็นอย่างที่หวัง.