นายบรรจง ชวลิตเรืองฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ หรือ KASETPHAND GROUP กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ และมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางลบพอสมควร โดยเฉพาะฟาร์มสุกร ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ จะเห็นได้ว่าภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ มีการขยายกำลังการผลิตสุกรค่อนข้างมาก เมื่อทุกคนขยายร่วมกัน ทำให้ตลาดเกิด Over Supply ส่งผลทำให้ราคาเนื้อหมูตกต่ำ ส่วนสถานการณ์ฟาร์มสัตว์ปีกในประเทศไทยเอง ยังมีการนำเข้าเสรีของเนื้อไก่แช่แข็ง ซึ่งธุรกิจการเลี้ยงสัตว์จะต้อง Balance ระหว่าง Demand กับ Supply เมื่อไรก็ตามที่ซัพพลายมีไม่จำกัด การปรับราคาก็เป็นไปได้ยาก สิ่งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกจะต้องแข่งขันกันก็คือการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพกว่า ก็จะชนะในธุรกิจนี้
ขณะที่ฟาร์มกุ้งของไทยเองก็ประสบปัญหาเรื่องการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งราคาต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าของประเทศไทย ที่สำคัญกุ้งจากเอกวาดอร์กระจายไปทั่วโลก ทำให้หลายประเทศก็ประสบปัญหานี้คล้ายๆ ประเทศไทย นอกจากเรื่องการ Balance ระหว่าง Supply กับ Demand แล้วอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ยังต้องเจอกับสถานการณ์โรคระบาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เรามองว่าภายใน 1 ปีนี้ อุตสาหกรรมกุ้งยังคงเผชิญกับปัจจัยที่ท้าท้ายนี้อยู่ แต่ยังสามารถประคับประคองธุรกิจไปได้ และในปี 2568 ก็น่าจะกลับมาเริ่มดีขึ้น
นายบรรจง กล่าวต่อว่า ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ เป็นบริษัทของคนไทยที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 50 ปี ให้บริการด้านวิศวกรรมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง การผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง การสรรหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนวิศวกรรมบริการหลังการขาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์เลี้ยง (Feed), ระบบจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบ อาทิ ข้าวโพด กากถั่วเหลือง (Grain Management System), ฟาร์มเลี้ยงสัตว์และอุปกรณ์การเลี้ยง (Farm), โรงงานแปรรูปอาหารและผลิตอาหารสำเร็จรูป (Food) รวมถึงการให้บริการด้านพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Technology)
...
นอกจากธุรกิจหลักนี้แล้ว ในช่วงปีที่ผ่านมา ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ขยายหน้ากว้างสร้างโอกาสต่อยอดศักยภาพที่เรามีเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันพืช ธุรกิจคลังสินค้าครบวงจร และมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างประเทศ
“แม้ว่าเราจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่ด้วยความเข้าใจในธุรกิจและให้ความสำคัญอย่างมากในการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด มีทีมงานที่เข้มแข็ง มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า รวมถึงการมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เราเติบโตได้ ซึ่งก็มีความเชื่อมั่นว่าในอนาคต เราจะสามารถสร้างยอดขายส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศเป็นหลัก” รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ กล่าว
นายบรรจง กล่าวอีกว่า ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ ได้เข้าร่วมงาน VICTAM Asia 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 นี้ ที่ไบเทคบางนา เรามุ่งเน้นในการนำเสนอโซลูชันสำหรับธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมที่ออกแบบได้ตามต้องการ ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่า มุ่งมั่นร่วมสร้างธุรกิจของลูกค้าและผู้ลงทุนให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน ดั่งปณิธานของเกษตรภัณฑ์ “ลูกค้าสำเร็จ เราสำเร็จ”
สำหรับสินค้าที่จะนำไปจัดแสดง ได้แก่ เทคโนโลยีการก่อสร้างโรงงานอาหารสัตว์ ระบบจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบ เครื่องจักรและผลิตภัณฑ์อะไหล่ ตลอดจนวิศวกรรมบริการหลังการขาย ด้วยแพลตฟอร์มการตรวจสอบสภาพเครื่องจักรและการซ่อมบำรุง (PM/CM) การจัดการสต๊อกอะไหล่ ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าเราสามารถช่วยให้การผลิตดำเนินได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
“นอกจากนี้ อีกไฮไลต์สำคัญ เราจะแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างครบวงจร เพื่อประสิทธิภาพตลอดกระบวนการของธุรกิจอาหารสัตว์ ตั้งแต่เทคโนโลยีการผลิตวัตถุดิบข้าวโพดอาหารสัตว์, การจัดการของเสียและการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) จากซังข้าวโพด, ไซโลไฟเบอร์กลาสสำหรับจัดเก็บอาหารสัตว์คุณภาพสูง, ระบบลำเลียงอาหารแบบอัตโนมัติเข้าสู่ฟาร์ม, รถขนส่งอาหารสัตว์ที่คำนึงถึงระบบ Biosecurity และสำหรับลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจครบวงจร ทั้งโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และโรงงานแปรรูป เรายินดีต้อนรับและให้คำปรึกษา ด้วยบริการที่ครบวงจร One Stop Service ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างนวัตกรรมและการเติบโต เคียงคู่ไปพร้อมกับลูกค้าอย่างยั่งยืน” รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ กล่าว.