กรมประมง ผนึกกำลังองค์กรต่างประเทศ เร่งสร้างคาร์บอนเครดิตในระบบการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสตัดสินใจพิจารณาเลือกซื้อกุ้งไทยของลูกค้าในทวีปยุโรป และอเมริกา
นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หลังจากที่กรมประมงได้มีการประชุมเมื่อ 19 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) จึงได้มีการหารือร่วมกับ ดร.อารอน แมคเนวิน ตำแหน่ง Global Network Lead จากองค์กร World Wildlife Fund (WWF) ดร.ระวี วิริยธรรม ตัวแทนจาก Seafood Task Force (STF) ผู้แทนจาก Gordon and Betty Moore Foundation และนางพิชญา ชัยนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวต่อว่า องค์กร World Wildlife Fund (WWF) เป็นองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ด้านทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรน้ำจืด และทรัพยากรทางทะเล เพื่อมุ่งมั่นที่จะปกป้องดูแลรักษาธรรมชาติและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการทำงานเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม และองค์กร Seafood Task Force (STF) เป็นความร่วมมือกันของบริษัทอาหารทะเลระดับโลกภาครัฐ รวมถึงภาคประชาสังคม ที่ร่วมสนับสนุนการทำประมงโดยใช้เครื่องมือประมงที่ถูกกฎหมาย เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศจากการจับสัตว์น้ำ และป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing: IUU Fishing)
...
นายถาวร กล่าวอีกว่า ขณะที่องค์กร Gordon and Betty Moore Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีเป้าหมายสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยได้ร่วมหารือการใช้นวัตกรรมต่างๆ ในระบบการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างระบบนิเวศที่หมุนเวียนกลับคืนมา ซึ่งกรมประมงมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่น่าเชื่อถือ และครบวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต การแปรรูป จนถึงมือผู้บริโภค สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสัตว์น้ำได้
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวด้วยว่า ทั้ง 3 องค์กรยินดีให้การสนับสนุนกรมประมง เพื่อร่วมกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม (Carbon Credit) ในระบบการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล โดย Gordon and Betty Moore Foundation ยินดีจะช่วยประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการตลาดสำหรับการผลิตสินค้า ที่สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม (Carbon Credit) และสร้างการรับรู้ จูงใจ ให้ผู้ซื้อนำไปสู่การตัดสินใจนำเข้าสินค้ากุ้งของไทย ทั้งยุโรป อเมริกา หรือประเทศอื่นๆ จึงส่งผลให้สินค้าประเภทนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าทั่วไป จึงเป็นโอกาสดี และทางเลือกของเกษตรกรที่สนใจ นอกจากนี้ยังได้มีการหารือวิธีการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ช่วยลดปริมาณคาร์บอน เช่น การใช้หอยสองฝาและสาหร่าย ช่วยลดปริมาณคาร์บอนในระบบการเลี้ยง ซึ่งจะนำไปสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตในอนาคต โดยในการหารือในครั้งนี้ เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งของไทย.