กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าสร้างเสถียรภาพยางพาราไทยแข็งแกร่งตลอดห่วงโซ่ จัดงานใหญ่ เปิดโครงการ Ready for EUDR in Thailand ภายใต้แนวคิด "RAOT พร้อมก้าวสู่มาตรฐานสากล" ประเดิม Kick Off ซื้อขายยางตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้เป็นครั้งแรก ผ่านแพลตฟอร์ม TRT ขานรับกฎ EUDR ราคายางพุ่งสูงขึ้นกว่า 94 บาทต่อกิโลกรัม มั่นใจจะทำให้ชาวสวนยางไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ถึงสิ่งแวดล้อม 

 

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 67 ที่โรงแรมบรรจงบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ Ready for EUDR in Thailand ภายใต้แนวคิด "RAOT พร้อมก้าวสู่มาตรฐานสากล" และเปิด Kick Off ซื้อขายยางตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้ โดยวิธีประมูลผ่านระบบดิจิทัล Thai Rubber Trade (TRT) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สำหรับใช้ซื้อขายประมูลยาง รองรับกฎระเบียบ EDUR พร้อมทั้งนำเทคโนโลยี Block chain มาใช้ในการทำธุรกรรม 

  

ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายหลักที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green) เพื่อก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และผู้ประกอบกิจการยางพาราไทย กระทรวงเกษตรฯ ได้ผลักดันให้มีการจัดการข้อมูลยาง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ของสหภาพยุโรป (EU) และมาตรฐานระดับสากลต่างๆ พร้อมทั้งได้ผลักดันโฉนดเพื่อการเกษตรในพื้นที่ ส.ป.ก. ที่เป็นพื้นที่สวนยางกว่า 9.2 ล้านไร่ ให้เป็นพื้นที่ทำกินที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายของไทย และกฎระเบียบ EUDR   

...

นอกจากนี้ยังมีการออกโฉนดต้นไม้ยางเพื่อรับรองการมีอยู่ของต้นยางพาราในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการขยายโอกาสแก่เกษตรกรให้เข้าถึงพื้นที่ทำกิน สามารถแปลงทรัพย์สินให้เป็นทุนสำหรับประกอบอาชีพการทำสวนยาง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การขายคาร์บอนเครดิตจากสวนยาง เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตยาง และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร  ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายทำเกษตรยั่งยืนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม 

 

"การทำเกษตรโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จะเป็นโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกยางและผู้เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์ป่าไม้ของประเทศ และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก สร้างความยั่งยืนให้ห่วงโซ่อุปทานยางพาราตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เกิดการยกระดับพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมยางพาราของไทยให้มีความแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูง ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรเกษตรให้ยั่งยืน" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว 

 

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า ที่ผ่านมา กยท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับกฎระเบียบ EUDR ไว้แล้ว โดยการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนเกษตรกรอย่างเป็นระบบ จึงสามารถระบุและแยกแยะพื้นที่สวนยาง รวมถึงทราบได้ว่าผลผลิตยางจากสถาบันเกษตรกรที่นำมาขายผ่านตลาดกลาง กยท. มาจากสวนยางของสมาชิกรายใด จึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ 100%   

 

ทั้งนี้วิธีประมูลซื้อขายผ่านระบบดิจิทัล TRT ดังกล่าวนั้นแสดงถึงความพร้อมของยางพาราไทยด้านการจัดการระบบข้อมูลที่รองรับกฎระเบียบ EDUR ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยระบบ TRT จะแสดงรายละเอียดยางที่ซื้อขายอย่างชัดเจน เนื่องจากมีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลผลผลิตยางของสมาชิกแต่ละรายอย่างเป็นระบบ จึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับที่มาของยางได้ทุกล็อต ส่วนการนำเทคโนโลยี Block chain มาใช้ในการทำธุรกรรมนั้นจะเพิ่มความโปร่งใส แม่นยำ มีความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบยิ่งขึ้น สำหรับการประเดิมซื้อขายยางที่ตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้ในครั้งนี้ ราคาประมูลพุ่งสูงถึง 94.01 บาท/กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 41.2 ล้านบาท โดยยางที่ผู้ประกอบการเอกชนซื้อจะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราจำหน่ายในตลาดโลกต่อไป  

 

นอกจากนี้ยังมีการร่วมลงนามแสดงเจตจำนงความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนสินค้ายางพาราตามกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) ของประเทศไทย ระหว่างภาครัฐ สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง แสดงให้เห็นว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและเดินหน้าขับเคลื่อน "โครงการ Ready for EUDR in Thailand : RAOT พร้อมก้าวสู่มาตรฐานสากล" เพื่อให้เกิดการพัฒนาการจัดการระบบยางอย่างยั่งยืน เพิ่มมูลค่าและพัฒนาธุรกิจผลผลิตยาง ตลอดจนอุตสาหกรรมด้านยางพาราอย่างครบวงจร เป็นการปูรากฐานไทยก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกยางพาราที่มีคุณภาพในระยะยาว 

...


"เชื่อมั่นว่าการดำเนินมาตรการเชิงรุกที่มุ่งผลักดันระบบการจัดการข้อมูลยางพาราไทยภายใต้กฎระเบียบ EUDR และมาตรฐานสากลอื่นๆ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของโลก จะเกิดผลดีทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เกิดประโยชน์กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรชาวสวนยางไทยนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ตามนโยบาย รมว.เกษตรฯ คือ เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน" ผู้ว่าการ กยท. กล่าวทิ้งท้าย.