ตำรวจสอบสวนกลาง และสารวัตรเกษตรบุกจับโกดังที่โคราช พบเก็บสารเคมีผิดกฎหมายเป็นวัตถุอันตรายพวก สารพาราควอตไดคลอไรด์ คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต จำนวนมาก จึงยึดของกลางไปตรวจสอบ มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 นายอิทธิพล บังพรม ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร นำกำลังสารวัตรเกษตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง 15 นาย บุกเข้าตรวจค้นภายโกดังแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.สุขไพบูลย์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการซื้อขายสารเคมีผิดกฎหมาย โดยสภาพโกดังหลังดังกล่าวเป็นห้องแถวที่แบ่งเช่าเป็นล็อกประมาณ 10 ห้อง ในจำนวนนั้นสองห้องถูกใช้เป็นโกดังเก็บสารเคมีจำพวกยากำจัดแมลงศัตรูพืชเอาไว้เต็มโกดัง
...
จากการตรวจค้นในครั้งนี้มีเจ้าของโกดัง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) ยินยอมนำเจ้าหน้าที่เข้าทำการสอบภายในโกดังพบว่ามีสารเคมีที่ถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จำพวกคลอร์ไพริฟอส และพาราควอตไดคลอไรด์ จำนวนมาก ซึ่งสารดังกล่าวถือเป็นวัตถุอันตรายไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือจำหน่ายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นสารที่มีความเป็นอันตราย หรือความเสี่ยงสูงทั้งจากคุณสมบัติของตัวสารเอง หรือจากลักษณะการใช้ เช่น สารก่อมะเร็ง สารก่อกลายพันธุ์ สารที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ปะปนอยู่กับกลุ่มของสารเคมีและวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง และยังพบว่ามีวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จำพวกไกลโฟเซต ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้ครอบครองอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสารเคมีบางส่วนที่ไม่มีฉลากกำกับระบุสรรพคุณด้วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐาน
นายอิทธิพล กล่าวว่า การบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าโกดังแห่งนี้ได้ลักลอบจำหน่ายสารเคมีอันตรายผิดกฎหมายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เข้าทำการตรวจสอบ ตามข้อร้องเรียน ซึ่งเบื้องต้นก็พบสารเคมีที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้หรือครอบครองและจำหน่าย รวมถึงสารที่สามารถมีไว้ครอบครองแต่ต้องรับอนุญาต จำนวนทั้งหมด 11 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท
...
ผอ.กลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้สอบปากคำเจ้าของโกดังเพิ่มเติม เพื่อจะได้ทำการขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการ พร้อมแจ้งสองข้อหาตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม กับเจ้าของโกดัง ประกอบด้วย "ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 4" ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ "ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3" ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าของโกดังให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.