เอ็นไอเอ-อุทยานวิทย์ฯ แจ้งเกิดให้ "โคดำลำตะคอง" เป็นโลคัลซอฟต์พาวเวอร์โคราช ในงาน Thailand Beef Fest 2024 ที่ มทส.หวังให้เป็นดินแดนเนื้อวัวพรีเมียม พบกับเนื้อสะเต๊กนำเข้าจาก US. และเนื้อวัวบราซิล และนิทรรศการเทคโนโลยีการเลี้ยงวัว การพัฒนาสายพันธุ์
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ กล่าวว่า การพัฒนาและผลักดันให้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มนครชัยบุรินทร์ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์) เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาโคเนื้อคุณภาพสูงของประเทศไทย ทั้งในฐานะแหล่งผลิตโคเนื้อ และพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างมาตรฐานการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูง ถือเป็นตัวอย่างของการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ด้วยการนำทรัพยากรธรรมชาติและศักยภาพทางภูมิศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งพื้นที่นี้มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของปริมาณการเลี้ยงโคเนื้อมากที่สุดในประเทศไทยถึงร้อยละ 50 จากการผลิตโคเนื้อทั่วประเทศจำนวน 1.495 ล้านตัว อีกทั้งพื้นที่นี้เป็นแหล่งผลิตอาหาร สำหรับการผลิตโคเนื้อที่สำคัญ เช่น หญ้า มันสำปะหลัง ข้าวโพด และธัญพืช
...
ผู้อำนวยการ เอ็นไอเอ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีหน่วยขับเคลื่อนด้านงานวิจัย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทั้งการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูงแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่พร้อมถ่ายทอดสู่เกษตรกร และผู้ประกอบการปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูง เช่น การวิจัยด้านปรับปรุงสายพันธุ์ การพัฒนาสูตรอาหารเลี้ยงโคในทุกช่วงวัย การส่งเสริมกระบวนการเลี้ยงโคตามมาตรฐาน GFM และการส่งเสริมการแปรรูปเนื้อโค เพื่อเข้าไปปรับเปลี่ยนและยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ พร้อมส่งผลต่อการยกระดับรายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ โดยเนื้อวัวคุณภาพสูงสามารถขายได้ 105-145 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่เนื้อวัวคุณภาพสูงของประเทศไทยยังไม่เพียงพอ ต้องมีการนำเข้าสูงกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี
ดร.กริชผกา กล่าวอีกว่า จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง และอำเภอวังน้ำเขียว รวมถึงยังมีร้านอาหารจำนวนมากที่มีเมนูสะเต๊ก และใช้เนื้อวัวคุณภาพสูงเป็นวัตถุดิบ จึงมีโอกาสผลักดันให้เนื้อวัว “โคดำลำตะคอง” กลายเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ได้ ดังนั้น NIA จึงได้ร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (นครราชสีมา) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดงาน Thailand Beef Fest 2024 ขึ้นในวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ นิทรรศการแสดงพันธุ์วัวไทย เทคโนโลยีการถ่ายทอดพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูง โรงเลี้ยงจำลอง จัดแสดงสายพันธุ์วัว นิทรรศการพันธุ์วัวเนื้อต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล โชว์การทำอาหารจากเนื้อวัวเกรดพรีเมียมโดยเชฟมืออาชีพ ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ มทร. เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีการพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูงในพื้นที่
"ที่สำคัญยังสร้างปรากฏการณ์สำหรับคนรักเนื้อวัวไทย กับการรวมที่สุดของ “เนื้อ” คุณภาพพรีเมียมในประเทศไทย ทั้งยังเป็นโอกาสร่วมศึกษาและต่อยอดไปสู่ “ย่านนวัตกรรมโคเนื้อ” เพื่อคิด ผลิต ขาย และพัฒนาโคเนื้อที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต หากประสบความสำเร็จก็นำไปเป็นต้นแบบในการสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่นสำหรับแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว กลุ่มเมืองรอง และเมืองอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และสังคม" ผู้อำนวยการเอ็นไอเอ กล่าว
...
ด้าน ผศ.ดร.ปภากร พิทยชวาล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (นครราชสีมา) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า ข้อมูลจากปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา พบว่ามีเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวนมากกว่า 185,400 ราย เป็นโคเนื้อมากกว่า 530,000 ตัว มีฟาร์มโคเนื้อที่ได้รับรองมาตรฐาน GAP 7 แห่ง ฟาร์มโคเนื้อที่ได้รับรองมาตรฐาน GFM 133 แห่ง และมีโรงเชือดที่ได้รับรองมาตรฐาน GMP ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคฯ จึงเข้ามาช่วยส่งเสริมนำงานวิจัยและนวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยในเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ด้วยการร่วมกลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงโค และผู้ประกอบการ เพื่อหาความต้องการจากเกษตรกร และผู้ประกอบการ แล้วนำมาจับคู่กับเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยมีนักวิจัยช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยี สร้างกิจกรรมที่จะส่งเสริมและขยายตลาดให้กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการผ่านแพลตฟอร์มการให้บริการของอุทยานวิทยาศาสตร์ ที่พร้อมในการสร้างธุรกิจใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสายพันธุ์โคเนื้อคุณภาพสูง
...
ผอ.อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (นครราชสีมา) กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีเครือข่ายที่มีเทคโนโลยีสนับสนุนการเพิ่มมูลค่ามากมาย เช่น เทคโนโลยีการแยกเพศอสุจิโคด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี การมีศูนย์ตรวจสอบคุณภาพเนื้อระดับพันธุกรรมด้วยเทคนิค เพื่อตรวจสอบคุณภาพเนื้อระดับพันธุกรรม ร่วมกับการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอที่ถูกพัฒนาขึ้น และเพื่อวิเคราะห์เครื่องหมายทางพันธุกรรมที่สำคัญ และมีความเกี่ยวเนื่องกับปริมาณไขมันแทรกในเนื้อโค และจัดสร้างฐานข้อมูลลายพิมพ์ดีเอ็นเอ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบระดับเลือดผสมวากิว ก่อนส่งเข้ากระบวนการขุน และใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงพันธุ์ในเชิงพาณิชย์ แพลตฟอร์มสำหรับตรวจสอบคุณภาพเนื้อระดับพันธุกรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจประวัติโคได้ง่าย และเพิ่มความมั่นใจถึงผลลัพธ์ที่ดีในการขุนโคลูกผสมวากิวแต่ละครั้ง
ขณะที่ นางสาวมาเรีย ราโฮฟสกายา ผู้ช่วยที่ปรึกษาเอกอัครราชทูต ฝ่ายกิจการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณ NIA ที่เชิญกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมโคเนื้อของสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมงาน Thailand Beef Fest 2024 เพื่อส่งเสริมการตลาดโคเนื้อในประเทศไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ-ไทย ทั้งนี้ อุตสาหกรรมโคเนื้อของสหรัฐฯ มีชื่อเสียงในการผลิตเนื้อวัวคุณภาพสูงที่เลี้ยงด้วยธัญพืช (Grain-fed) ผู้บริโภครู้ดีว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย นุ่ม อร่อย และน่าเชื่อถือ ทำให้การเลี้ยงโคถือเป็นอุตสาหกรรมเกษตรที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 17% ของสินค้าทางการเกษตรทั้งหมด
...
ผู้ช่วยที่ปรึกษาเอกอัครราชทูต ฝ่ายกิจการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าว อีกว่า ด้วยการปรับปรุงการจัดการโค และพันธุกรรมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงถือเป็นหัวใจสำคัญที่เจ้าของฟาร์มโคในสหรัฐฯ ต้องทำ เพื่อเลี้ยงโคมากกว่า 89 ล้านตัวทั่วทั้ง 50 รัฐของสหรัฐฯ ในขณะที่ประเทศไทยกำลังจะขยายอุตสาหกรรมโคเนื้อ ทางสหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยเมื่อปี ค.ศ. 1992 เริ่มมีการนำเข้าวัวแบรงกัส ลอตแรกเข้าสู่ไทย และกว่า 30 ปีที่มีการผสมสายพันธุ์วัวพื้นเมืองของไทยกับวัวสหรัฐฯ ทำให้ได้วัวเนื้อที่ทนต่ออากาศร้อนและแมลง และมีเนื้อที่นุ่มน่ากิน ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อปรับปรุงทางพันธุศาสตร์ และโภชนาการของโค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเนื้อวัวคุณภาพสูงต่อไป
ส่วน นายอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม โปรดักส์ จำกัด ฟาร์มวัวดำลำตะคอง ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า ความพิเศษของเนื้อ “โคดำลำตะคอง” มาจากการผสมวัว 3 สายพันธุ์ที่ดึงเอาคาแรกเตอร์ และคุณภาพเนื้อที่โดดเด่นแตกต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ ลูกผสมพื้นเมือง ที่มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม มีความถึกทน วากิว มีเอกลักษณ์ คือ ปริมาณไขมันแทรกในเนื้อคล้ายกับลายหินอ่อน และ แองกัส ที่มีการเจริญเติบโตไว มีอัตราการแลกเนื้อสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้ดี ซึ่งปัจจุบันสามารถทำให้เกิด “พ่อพันธุ์กึ่งสำเร็จรูป” ลูกผสม 3 สายเลือด โดยการผสมเพียงครั้งเดียว ลดระยะเวลาในการผลิตลูกผสม 3 สายเลือด ลงไป 3 ปี ผ่านไป 10 ปีทางฟาร์มได้เลี้ยงวัวมาถึงรุ่นที่ 4 เหลือวัวอีกรุ่นเดียวก็จะยืนยันได้ว่าสายพันธุ์นิ่งแล้ว
กก.ผจก.บริษัท เอ็น.วี.เค.ฟาร์ม กล่าวต่อว่า ทางฟาร์มยังมีการเลี้ยงอย่างประณีตและพิถีพิถัน ตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ รวมถึงสูตรอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากวิทยาลัยด้วยเช่นกัน ทั้งยังเสริมด้วยสาโทพื้นบ้าน ที่จะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของโคในสูตร และปริมาณที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ จุสินทรีย์เหล่านี้ทำให้ระบบการย่อยวัวดี ลดการปล่อยก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจก ทำให้โคเหล่านี้มีสุขภาพดี เพราะเชื่อว่า “เนื้อที่ดี ต้องมาจากโคที่ดี" เนื้อวัวจากฟาร์มทุกชิ้นจะมาพร้อมคิวอาร์โค้ด ที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มั่นใจได้ว่าเป็นเนื้อวัวที่ปลอดภัย ดังนั้น “โคดำลำตะคอง” จึงเป็นเนื้อโคไทยคุณภาพสูง (Premium Beef) ที่มีกลิ่นรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ “โคหนุ่ม เนื้อนุ่ม ชุ่มมัน”
นายอรรควัฒน์ กล่าวด้วยว่า เนื้อโคดำลำตะคอง มีลักษณะของชั้นไขมันที่แทรกระหว่างเนื้อ (Marbling Score) เหมือนเนื้อวากิว ซึ่งในนั้นมีโอเมก้า 9 ที่เป็นสารอาหารสำคัญ ตรงกับความต้องการของคนไทยที่ชอบกินเนื้อติดมันแต่ไม่เลี่ยน ผลผลิตยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงในพื้นที่ เมื่อเทียบกับเนื้อโคที่เกษตรกรเลี้ยงแบบเดิมจะขายได้ในราคา 82 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่โคเนื้อคุณภาพสูงสามารถขายได้ 105-145 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งคิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นขั้นต่ำต่อปี 28% ทั้งนี้ หากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพัฒนาคุณภาพเนื้อโคคุณภาพสูงได้ถึงเกรดสูงสุด เกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่จะสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 65% ต่อปี.