ชาวบ้านพรุ หมู่ 5 ต.ควนกาหลง จ.สตูล พลิกที่ป่ารกร้างปลูกข้าวไร่ 4 สายพันธุ์ แซมสวนปาล์ม ระหว่างรอผลผลิต กลับดีเกินคาดได้ทุ่งนาสวยงาม เตรียมปรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรก่อนเก็บเกี่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 5 บ้านพรุ ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล ชาวบ้านในพื้นที่ได้ปรับพื้นที่ป่ารกร้างปลูกปาล์มน้ำมัน และระหว่างร่องปาล์มน้ำมันก็ได้ปลูกข้าวไร่เพื่อที่ใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดระหว่างรอปาล์มให้ผลผลิต โดยปาล์มที่สามารถปลูกข้าวไร่แซมได้มีอายุไม่เกิน 2 ปี โดยข้าวที่ปลูกมี 4 สายพันธุ์ คือ ข้าวหอมหัวบอน ข้าวหอมมะลิดอย ข้าวเหนียวแซมไซ และข้าวเหนียวดำช่อ โดยปลูกสลับกันเมื่อข้าวไร่สุกทำให้พื้นที่มีสภาพสวยงามมีข้าวสลับสีกันไป จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็กๆ และกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ของอำเภอควนกาหลง

...

นายประสิทธิ์ชัย พรหมดวง อายุ 32 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน กล่าวว่า เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นป่า ตนจึงมาปรับพื้นที่ 22 ไร่ ปลูกปาล์มน้ำมัน และมีชาวบ้านในพื้นที่ 3 ราย มาขอทำข้าวไร่ ซึ่งตนเห็นว่าพื้นที่ปลูกปาล์มมีระยะห่างมาก สามารถทำข้าวไร่ได้ จึงให้ปลูกถือว่าได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ส่วนตนมองว่าในอดีตพื้นที่ ต.ควนกาหลง นิยมปลูกข้าวไร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูง ปัจจุบันแทบไม่มีเหลือแล้ว วิถีชีวิตดั้งเดิมหายไป จึงอยากส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่ คนรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้ คนรุ่นก่อนก็ได้ย้อนความหลัง

สำหรับข้าวไร่ปลูกเพียง 4 เดือน คือตั้งแต่ ก.ค.-พ.ย. ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ที่สำคัญเป็นข้าวปลอดสารเคมี ชาวบ้านที่ปลูกส่วนใหญ่จะขายเฉพาะข้าวเหนียวดำ และข้าวเหนียวที่นำไปทำข้าวเม่า ส่วนข้าวสารก็จะเก็บไว้บริโภคเอง อาจมีแบ่งปันเพื่อนฝูง โดยข้าวไร่แต่ละปีชาวบ้านที่ปลูกก็จะได้กินข้าวที่ปลอดภัย ถึงเวลาก็จะนำไปสีครั้งละ 10-20 กก. ถือว่าไม่ต้องซื้อข้าว แต่เมื่อข้าวโตขึ้นมีโรงเรียนต่างๆ ขอเข้ามาชม โดยนำนักเรียนมาเรียนรู้วิถีชีวิต ประกอบกับพื้นที่มีเนินดินสูง ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ข้าวไร่ที่มีสลับสี สีเขียว ดำ และเหลือง ทำให้สวยงามกลายเป็นจุดสนใจ ชาวบ้านจึงเก็บข้าวเหนียวมาทำเป็นข้าวเม่า ตำขาย มีรายได้อีกส่วนหนึ่ง

...

ตนจึงเตรียมเปิดพื้นที่เพื่อให้ผู้สนใจมีส่วนร่วม โดยจัดกิจกรรมเก็บข้าวไร่ สัมผัสวิถีชีวิตชาวนาร่วมอนุรักษ์และสืบสานการปลูกข้าวไร่ โดยใช้ชื่อสวนว่า นาบุญแอนด์นาวา ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟรี เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาเรียนรู้การทำข้าวไร่ การเก็บข้าวกับแกะ การทิ่มเม่า และถ่ายรูปกับข้าวไร่สวยๆ โดยงานจัดขึ้นวันที่ 10 พ.ย.66

ด้าน นายแอ็ด ดุลรายา อายุ 60 ปี ผู้ปลูกข้าวไร่ บอกว่า ข้าว 4 สายพันธุ์ที่ตนปลูก ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่ตนชอบกิน กินอร่อย ข้าวไร่ปลูกไม่ยาก อาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ ปีนี้ถือว่าข้าวให้ผลผลิตดี ซึ่งตนอาศัยปลูกข้าวไร่ตามสวนยาง สวนปาล์ม 1 ปี ปลูก 1 ครั้งเท่านั้น สิ่งที่รบกวนข้าวไร่มีนกเพียงอย่างเดียว จึงต้องทำหุ่นไล่กา ไว้สำหรับไล่นก แต่ละปีตนไม่ต้องซื้อข้าวกินทำเองกินเองปลอดภัย ส่วนข้าวเหนียวดำก็กินอร่อย ตนขาย กก.ละ 60 บาท 4 เดือน รายได้ 8 หมื่น ก็ถือว่าคุ้มสำหรับเป็นรายได้ ทั้งนี้ ได้ปลูกข้าวไว้ 7 ไร่ เอาแบบที่พอทำไหว 

...

ส่วน น.ส.จุฑามาศ เกียรติอุปถัมส์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กล่าวว่า ข้าวไร่สวนนาบุญแอนด์นาวา แห่งนี้ เป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ข้าวไร่จะใช้พื้นที่ดอนไม่มีน้ำขัง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันขนาดเล็กอายุ 1-3 ปี การปลูกข้าวไร่ใช้น้ำฝนเป็นหลัก หากฝนน้อยข้าวจะลีบแบน ปีนี้ผลผลิตดี ข้าวมีความสมบูรณ์ โดยข้าวไร่ผลผลิตที่ได้ประมาณไร่ละ 300-400 กิโลกรัม.

...