ชาวนาบ้านโป่ง คาดหวังกับรัฐบาลใหม่ "เศรษฐา 1" เร่งลดต้นทุนชาวนา ทั้งค่าเชื้อเพลิง ค่าปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชเพื่อลดภาระ ขณะที่ฝั่งของเกษตรอินทรีย์ อยากได้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งโอกาสเข้าถึงเครื่องจักรการเกษตรและเมล็ดพันธุ์
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด สอบถามความคิดเห็นจากชาวนา ถึงความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยนโยบายพักหนี้ 3 ปี รายได้ดี 3 เท่า ถึงเวลาเกษตรกรไทยหายจนถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิดตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพื่อช่วยลดภาระ และยกระดับรายได้ให้เกษตรกร 30,000 บาทต่อไร่ต่อปี ที่พรรคเพื่อไทยนำมาใช้เป็นนโยบายหาเสียงในการสู้ศึกเลือกตั้ง 2566
...
นายนิเวศ วังมะนาว ชาวนา ต.บ้านม่วง เปิดเผยว่า ตนทำนามาแล้วกว่า 40 ปี เลือกปลูกข้าวสายพันธุ์ปทุมธานี และสุพรรณบุรี จำนวน 30 ไร่ แม้ว่าการผลิตข้าวนาปรังในรอบฤดูกาลที่เพิ่งผ่านพ้น จะสามารถขายผลผลิตได้ราคาสูงถึง 10,000 บาทต่อตัน ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่สูงในรอบหลายปี แต่เมื่อนำมาหักลบต้นทุนแล้ว ก็แทบจะไม่เหลือเงิน ในขณะที่ราคารับซื้อข้าวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนอย่างทั่วหน้า
สำหรับนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวหากทำได้จริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการปรับลดต้นทุน ทั้งในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมีกำจัดแมลงและวัชพืช ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือชาวนาให้มีชีวิตที่ดี สามารถลืมตาอ้าปากได้จริง ยังช่วยให้ประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ต้องมาแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงเช่นในปัจจุบันอีกด้วย
ด้าน นายประโยชน์ เสลานนท์ เกษตรกร อ.บ้านโป่ง เปิดเผยว่า ตนทำนาข้าวอินทรีย์มาแล้วกว่า 10 ปี บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ โดยเลือกปลูกทั้งข้าวกล้องหอมมะลิ ทับทิมชุมแพ ข้าวไรซ์เบอร์รี ในส่วนของผลผลิตข้าวที่ได้ จะนำมาแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุง จำหน่ายทั้งในรูปแบบออนไลน์ และวางจำหน่ายตามหน้าร้านต่างๆ ซึ่งการทำนาข้าวอินทรีย์มีต้นทุนค่อนข้างสูง ในขณะที่การแปรรูปก็จำเป็น ที่ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยขึ้น เพื่อทำให้ข้าวมีคุณภาพ และปลอดภัยเป็นที่ยอมรับของตลาด
...
เกษตรกร ทำนาเกษตรอินทรีย์ อ.บ้านโป่ง กล่าวด้วยว่า สำหรับสิ่งที่ตนคาดหวังจากรัฐบาล จะเป็นเรื่องของตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่ปัจจุบันยังมีอยู่อย่างจำกัด จึงอยากให้เปิดเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ตามสถานที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคได้กว้างขวางและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนการทำตลาดออนไลน์ เพื่อให้เกษตรกรมีพื้นที่ในการขาย รวมทั้งลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งเรื่องของเครื่องจักร และเมล็ดพันธุ์ปุ๋ยพืชสด เพื่อใช้สำหรับเตรียมและปรับปรุงดิน ก็จะช่วยให้เกษตรสามารถลดต้นทุนการผลิต และเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรทั่วไป หันมาปลูกข้าวอินทรีย์กันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภค.