สมาชิกสภาเกษตรกรพัทลุง ยื่นหนังสือถึงประธานสภาเกษตรกรจังหวัด ให้เร่งแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน หลังพบว่าแนวโน้มที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ด้าน "สส.วิทยา" ชี้ เหตุเพราะโครงสร้างราคาถูกบิดเบือนจี้ 3 กระทรวงตรวจมาตรฐานเปอร์เซ็นต์น้ำมันในผลสด

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 นายโอภาส หนูชิต สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง ประเภทผู้แทนเกษตรกร เผยว่า ในขณะนี้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวพัทลุงน่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะต้องประสบปัญหาการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ โคพื้นบ้านนั้น ได้รับความเดือดร้อนมาตั้งแต่กลางปี 2566 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากโคเนื้อ โคพื้นบ้านนั้นไม่สามารถขายให้กับพ่อค้าที่จำนำออกขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ จนทำให้ราคาการซื้อขายโคเนื้อ โคพื้นบ้าน ราคาตกลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาครัฐยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้แต่อย่างใด ในส่วนของราคาน้ำยางพารานั้นถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงแต่ปริมาณน้ำยางสดมีปริมาณน้อยมาก

อย่างไรก็ตามเรื่องของราคาการซื้อขายปาล์มน้ำมันนั้น ราคาการซื้อขายก็ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ขณะนี้ราคาผลปาล์มทะลายมีราคาต่ำว่า 4 บาท/กิโลกรัม จนทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าวตนจึงได้ยื่นหนังสือต่อประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ เพื่อขอให้ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง ได้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน เนื่องจากราคาการซื้อขายดังกล่าวนี้ไม่คุ้มทุนต่อการผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันราคาการซื้อขายปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

...

เช่นเดียวกับที่ จ.นครศรีธรรมราช ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้หลายพื้นที่ แม้เกษตรกรจะได้รับความเดือดร้อน แต่ยังจำเป็นต้องเข้าตัดปาล์มผลสดส่งจำหน่าย เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้จนสุกเต็มที่จะเก็บเกี่ยวได้ยากลำบาก ผลจะร่วงจากทะลาย เกษตรกรยังสงสัยในเหตุผลของปาล์มราคาถึงตกต่ำเช่นนี้ แม้จะอ้างภัยแล้งแต่เชื่อว่าไม่ใช่เหตุผลที่เป็นจริง ส่วนราคาปัจจุบันนั้นตกลงมากกว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์จากที่ราคาสูงสุดที่ประมาณ 10 บาท วานนี้เหลือแค่ประมาณ 3 บาทเท่านั้น บางจุดรับซื้อเหลือแค่ 2.70 บาท

ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าติดตามสถานการณ์ราคาและผลผลิตปาล์มของเกษตรกร เปิดเผยว่าโดยกลไกทางราชการมีหลักประกันพอสมควรโดยเฉพาะการนำน้ำมันปาล์มไปผสมดีเซล และยังมีมาตรฐานของโรงหีบทั่วประเทศที่กำหนด คือ 18 เปอร์เซ็นต์ปาล์มสด 100 กิโลกรัม จะต้องนำไปผลิตน้ำมันได้ 18 กิโลกรัม แต่โรงงานน้ำมันปาล์มกลับตีราคาเปอร์เซ็นต์เหลือแค่ 14 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทอนเป็นเงินเหลือแค่ 3 บาทเศษ ส่วนเปอร์เซ็นต์ 18 เปอร์เซ็นต์นั้น 5 บาทเศษ

สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวด้วยว่า ต่อมาคือลานเทบางแห่งมีพฤติกรรมการสร้างผลร่วงเทียมนี่จะได้ราคาสูง คือเอาทะลายสดมาเขย่าให้ได้ลูกร่วงแล้วนำไปขายอีกราคา นี่ส่งผลกระทบกับราคา  ดังนั้น 3 กระทรวงที่ต้องเร่งแก้ปัญหา คือ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเร่งตรวจสอบการสร้างผลปาล์มร่วงเทียม และ 3 กระทรวงจะต้องจับมือกันตรวจสอบโรงงานน้ำมันปาล์มทั่วประเทศตีราคาปาล์มให้เหลือ 14 เปอร์เซ็นต์ได้อย่างไร หากไม่จัดการแก้ไขปัญหาลานเท หรือจัดการโรงงานปาล์มน้ำมันที่เอารัดเอาเปรียบ ชาวบ้านจะถูกเอาเปรียบอยู่เช่นนี้ และรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีการประกันราคาปาล์ม ดังนั้นราคาปาล์มจะไหลไปได้เรื่อยๆ เราเคยเจอไปถึง 1 บาทเศษมาแล้ว หากยังปล่อยเช่นนี้เราจะเห็นเกษตรกรเอาทะลายปาล์มไปทิ้งหน้าทำเนียบแน่.

...